Category ข่าวบันเทิง

คีอานู รีฟส์ John Wick

คีอานู รีฟส์ เล่าถึงการร่วมแสดงใน "Ballerina" หนังภาคแยก John Wick

ถ้าหากมองอย่างผิวเผินแล้ว John Wick บางครั้งก็อาจจะเป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น ที่มีผู้ชายเป็นตัวละครหลัก แต่ท่ามกลางเรื่องราว พวกนั้น เฟรนไชส์นี้ก็ได้ซ่อนตัวละครหญิง ที่เก่งกาจเอาไว้มากมาย แล้วก็หนึ่งในพวกเธอพวกนั้น ก็กำลังจะได้เล่าเรื่องราวของตนเอง ในภาพยนตร์เรื่อง Ballerina ที่จะแสดงนำโดย อนา เดอ อามาส ที่จะเป็นเรื่องราวของมือสังหารสาว ที่ออกตามล่าล้างแค้น คนที่สังหารครอบครัวของเธอ

คีอานู รีฟส์ ปลดล็อก

ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาคแยกของจอห์น วิค จะขาดตัวละครหลัก ของเฟรนไชส์ไปได้เช่นไร แน่ๆว่า คีอานู รีฟส์

จะได้ไปปรากฎตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ ด้วยด้วยเหมือนกัน ปัจจุบัน เขาได้เล่าถึงข้อมูลเล็กน้อยของ Ballerina เอาไว้ในการให้สัมภาษณ์กับ Total Film ว่า…

“มันคือเรื่องราวที่เยี่ยมเลยครับผม Len Wiseman มีวิสัยทัศน์แต่ว่าก็โอบรับโลกของจอห์น วิคด้วยความรักเลยล่ะครับ Ian McShane เองก็จะสวมบท วินสตัน ในหนังเรื่องนี้ ด้วยเหมือนกัน มันรู้สึกดีนะครับ ที่ได้เห็นการส่งต่อ

แล้วก็สนุก ด้วยที่ได้กลับมาใส่ชุดสูทอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ผมจะพูดสั้นๆ เลยนะครับ ว่าการที่จอห์น วิคไปอยู่ใน Ballerina มันเรื่องที่เป็นธรรมชาติมาก การร่วมงานกับอนานั้น ยอดเยี่ยมมากครับ เธอชอบแอ็คชั่นมาก และก็เธอทำมันออกมาได้ดีมากๆ ด้วย”

อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ จอห์น วิค จะต้องไปปรากฎตัวใน Ballerina อาจจะเป็นสิ่งที่เรา ต้องไปหาคำตอบกันต่อ แต่ว่าเร็วๆ นี้เรากำลังจะได้เห็น เรื่องราวบทถัดไปของ จอห์น วิค เมื่อเขาตกลงเปิดสงครามกับ the High Table มันจะชักนำเขาไปสู่อะไร รอคอยชมพร้อมกันกับ John Wick: Chapter 4 กำหนดฉาย 23 เดือนมีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

ปลดล็อกภาพใหม่ “John Wick: Chapter 4” คีอานู รีฟส์ กับภาคที่บู๊เยอะที่สุดกว่าภาคไหน

เรียกว่าเป็นการจุดกระแส “จอห์น วิค ฟีเวอร์” ให้ลุกไปทั่วทั้งโลกอีกครั้ง เนื่องจากไม่เฉพาะแต่หนึ่ง ในสื่อภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่าง TOTAL FILM ฉบับล่าสุด จะปล่อยภาพเอ็กซ์คลูซีฟ 3 ภาพใหม่ของตัวละครสำคัญ จากภาคล่าสุดออกมาเรียกเสียงฮือฮา

แต่ว่าแอ็กชันสตาร์เจ้าของบทบาท จอห์น วิค อย่าง “คีอานู รีฟส์” ยังออกมาให้สัมภาษณ์ คอนเฟิร์มคอหนังว่า John Wick: Chapter 4 จะเป็นภาคที่อัดแน่น ด้วยฉากแอ็กชันมากที่สุด กว่าทุกภาคที่ผ่านมา นอกเหนือจากนั้น รีฟส์ยังต้องฝึกฝนทักษะต่างๆ เพิ่มเติมอีกอย่างเอาจริงเอาจัง

เพื่อถ่ายทำในฉากแอ็กชัน ภาคนี้ทั้ง การฝึกยูโด และก็ ยิวยิตสู ยิ่งไปกว่านั้นเป็นการฝึกดริฟต์รถ แบบหวาดเสียวที่เขาไม่เคยทำมาก่อน นับว่าการถ่ายทำภาพยนตร์ ที่นับเป็นการใช้ร่างกาย ที่หนักหน่วงที่สุด ในชีวิตนักแสดงของเขา เลยก็ว่าได้ คีอานู รีฟส์มาบอกเองขนาดนี้ แฟนจอห์น วิคตัวจริงจะพลาดได้อย่างไร อดใจรออีกอึดใจเดียว แล้วไปเหยียบสภาสูง พร้อมคนทั่วทั้งโลก

คีอานู รีฟส์ ล้างแค้น

แรกเริ่ม John Wick คือหนังล้างแค้นของชายแก่ที่จะนำโดย Clint Eastwood หรือ Harrison Ford

คอหนังแอ็คชั่นอาจจะไม่มีใครไม่รู้จัก หนังสุดมันส์ระห่ำของ Keanu Reeves อย่าง John Wick ซึ่งถูกทำมาสี่ภาคแล้ว คือJohn Wick ภาคแรก , John Wick: Chapter 2 , John Wick: Chapter 3 – Parabellum รวมทั้ง John Wick: Chapter 4 ที่กำลังจะเข้าฉายในมีนาคม ปี 2023 หรือปีนี้

แต่ทราบไหมว่า แรกเริ่มหนังเรื่องนี้ ถูกเขียนบทให้เป็นหนัง ที่กล่าวถึงการลุกขึ้นมาแก้แค้นของชายแก่วัย หลังเกษียณวัยประมาณ 75 ปี ซึ่งมีชื่อโปรเจ็กต์ว่า Scorn เขาลุกขึ้นมาล้างแค้นใครบางคน ภายหลังเกษียณไปแล้ว 25 ปี

จากที่ถูกรายงานในหนังสือ ชื่อยาวเหยียดอย่าง ” They Shouldn’t Have Killed His Dog: The Complete Uncensored Oral History of John Wick, Gun Fu, and the New Age of Action” ที่เขียนโดย Edward Gross และ Mark A. Altman พวกเขารับทราบจาก Basil Iwanyk โปรดิวเซอร์ของหนัง แฟรนไชส์เรื่องนี้ว่า แต่เดิมนี่ จะเป็นหนังคนแก่แก้แค้น

แต่หลังจากที่ Basil Iwanyk นำบทหนังเรื่องนี้ไปให้ Keanu Reeves ลองอ่านดู เขาก็สนใจขึ้นมาในทันที แล้วให้มือเขียนบทอย่าง Derek Kolstad ทำงานร่วมกับเขา โดยใช้เวลาคิด รวมทั้งเขียนบทหนังเรื่องนี้ ที่บ้านของ Keanu Reeves ประมาณสองเดือนบทหนัง John Wick ภาคแรกก็เสร็จ

สิ่งที่ Keanu Reeves พูดกับ Derek Kolstad ก่อนลงมือเขียนบทและแชร์ไอเดียกันก็คือ

” โอเค Derek ผมจะเล่นให้เขาอายุ 35 ”

ซึ่งก็คือตัวละครเอกในหนัง ที่เดิมทีเป็นคนแก่ แต่ว่า Keanu Reeves ต้องการเปลี่ยนบทหนังเรื่องนี้ ให้เป็นการแก้แค้น ของนักฆ่าหนุ่ม มันก็เลยออกมาเป็นหนัง John Wick ชายผู้ล้างบางองค์กรนักฆ่า เพราะหมาเพียงตัวเดียว อย่างที่เห็นกัน

อาจมี10ภาค

เอาที่พอใจ ผู้กำกับ John Wick บอก พร้อมขยายจักรวาลไปอีก 10 ภาค

ไม่ทราบว่าแกเอาฮา หรือจริงจัง เมื่อสำนักข่าว Collider ได้เข้าพบผู้กำกับ แชด สตาเฮลสกี (Chad Stahelski) ผู้ปลุกปั้นแฟรนไชส์ ภาพยนตร์นักฆ่าอย่าง John Wick ในงาน CinemaCon ก่อนหน้าที่ผ่านมา ซึ่งสตาเฮลสกีก็ไม่ลืม ที่จะเล่าถึงการอัพเดตจักรวาลมือสังหาร พร้อมยังกล่าวว่ากำลังพัฒนาโปรเจกต์ John Wick: Chapter 4 อยู่

เมื่อสตาเฮลสกีถูกถาม เขาอยากสร้างหนัง John Wick อีก 10 เรื่องหรือเปล่า? ผู้กำกับวัย 53 ปีรายนี้ก็ถึงกับหัวเราะลั่น พร้อมพูดว่า มันเยี่ยมมาก

ต่อจากนั้นสตาเฮลสกีก็ได้เล่า ถึงความคืบหน้า ของการพัฒนาจักรวาลมือสังหารว่า มีอีกมากที่เขากำลังพัฒนาอยู่ “ถ้าเอ่ยถึงโปรเจกต์อื่นๆ ที่เรากำลังพัฒนา มันก็มีขั้นต่ำครึ่งโหล ที่เรากำลังทำอยู่ ซึ่งผมคิดว่ามันยอดเยี่ยมนะ”
เขาอธิบาย

“ผมรักจักรวาลนี้ และก็ต้องการที่จะทำมันทั้งหม” ด้วยการนั้นสตาเฮลสกี ยังกล่าวถึงการลองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อกลับมาพัฒนา John Wick

“ผมรู้สึกว่าการได้ทำ John Wick คือเรื่องที่ดีเยี่ยม ถึงแม้เราบางครั้งอาจจะแว้บไปเรียนรู้ แล้วก็ทดลองกับหนังเรื่องอื่นในจักรวาล แต่ว่าสุดท้ายพวกเรา ก็จะนำความรู้นั้น กลับมาพัฒนา John Wick อยู่ดี”

เขากล่าว

อย่างไรก็ตามสตาเฮลสกี ไม่ใช่ผู้เดียวที่แสดงความสนใจ ในการรักษาแฟรนไชส์ของ John Wick ให้มีชีวิตถัดไป เนื่องมาจาก คีอานู รีฟส์ ก็พูดเสมอว่า เขาเต็มใจที่จะเล่นบทนี้ต่อ ตราบเท่าที่ภาพยนตร์ ยังคงประสบผลสำเร็จและเนื้อหาก็ควรค่า แก่การสานต่อ

เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ รีวิวหนัง

รีวิวหนัง Phases of the Moon เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ ความท้าทายที่ก่ำกึ้งอยู่ระหว่างตรงกลาง

และก็นี่คืออีกหนึ่งหนัง ที่มาพร้อมทั้งพล็อตสไตล์คนระลึกชาติ แต่ครั้งนี้มาในคราบของหนังญี่ปุ่น ที่นับได้ว่าเป็นหนังอีกหนึ่ง ดาวเด่นด้านรางวัลต่างๆ ในปีที่ผ่านมาของญี่ปุ่น นี่เป็น “Phases of the Moon เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ”

ที่ไม่ทราบจะบัญญัติโครงสร้างของหนังเรื่องนี้ เอาไว้ว่ายังไงดี เนื่องจากมันทั้งส่วนผสม ของความดราม่า ความโรแมนติก ความอบอุ่นแบบครอบครัว แล้วก็ความแฟนตาซี ที่พาไปสุดโต่ง กับแนวคิดที่พยายามทำงาน กับผู้ชมอย่างหนัก กลั่นกรองออกมา เป็นหนังที่เต็มไปด้วยความท้าทายตลอดทั้ง 2 ชั่วโมงของเรื่องนี้

เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ นางเอก

Phases of the Moon เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ คือเรื่องราวของครอบครัวโอซานาอิ

ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างสุขสบาย แต่แล้วภรรยารวมทั้งบุตรสาว ก็ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ วันหนึ่งชายปริศนา อะกิฮิโกะ มิซุมิ ได้เดินทางมาหา เคย์ โอซานาอิ ที่เป็นพ่อของ รูริ แล้วก็บอกกับเขาว่า

ในวันที่เขาเสียภรรยา และก็ลูกสาวไป ทั้งสองคนได้มาหาเขา และก็ รูริ ได้บอกเขาว่า ตัวเองเคยเป็นคนรักของเขา เมื่อชาติก่อน ทำให้ เคย์ สับสนแล้วก็ออกตามหาความจริง เหล่าผู้คนที่ไม่ได้ มีความเกี่ยวข้องกัน ได้ถูกเชื่อมต่อด้วยสิ่งที่เรียกว่า ความรัก ความจริงที่ผ่านการ เดินทางมากับห้วงเวลา หลายทศวรรษ กำลังจะถูกเผย

นี่คือผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ “ริวอิจิ ฮิโรกิ” รุ่นใหญ่มากฝีมือที่คนไทย น่าจะรู้จักเขาจากหนังแฟนตาซีเรื่องดัง The Miracles of the Namiya General Store นั่นเอง แน่ๆ ว่าเหมือนเขาจะหยิบเอากลิ่นอายของหนัง ชิ้นเอกเรื่องดังกล่าวมาผสมผสาน ร้อยเรียงกับใน Phases of the Moon เรื่องนี้ไม่มากก็น้อย โดยได้ “ฮิโรชิ ฮาชิโมโตะ” มือเขียนบทจากหนังฮีโร่สุดโต่ง Inuyashiki มาดัดแปลงบทให้ ที่อิงมาจากต้นฉบับ นิยายขายดีของ “โชโกะ ซาโตะ” ที่พิมพ์ในปี 2017

ในด้านองค์ประกอบงานสร้างนั้น Phases of the Moon ทำออกมาได้ออกจะน่าพอใจ แม้ว่าบรรยากาศโดยรวมๆ แล้วนั้นจะออกจะเป็นสูตรสำเร็จ ในหลายจุดก็ตาม ทั้งยังแอบรู้สึกเสียดาย

กับการลงรายละเอียดเกี่ยวกับยุคสมัย ที่เป็นฉากหลังของหนัง ได้ยังไม่คมคายสักเท่าไหร่นัก ยังไม่ค่อยมีเสน่ห์ความเก่าของสมัย 80s หรือ 90s ที่เป็นเส้นเรื่องเด่น ของหนังมากนัก ซึ่งจุดนี้เองก็พลอย ทำให้ผู้ชมอาจจะรู้สึกสับสน ระหว่างการร้อยเรียงเรื่องได้

ช่วงเวลาที่ในส่วนบทหนังนั้น นับว่าเป็นงานที่ออกจะท้าทายอยู่ไม่น้อย กับการจะต้องสังเขปเรื่องนี้ ที่น่าเหลือเชื่อ รวมทั้งเล่นกับความเชื่อส่วนตัวของผู้ชม ในเวลาอันมีจำกัดเพียง 2 ชั่วโมงของหนัง แต่กระนั้นจัดว่าบทหนังค่อนข้างช่วยพยุง ตัวเรื่องเอาไว้ได้ดี

ในด้านของการเก็บรายละเอียด รายทางในจุดต่างๆ ของเรื่องเอาไว้ได้ให้ ถึงในส่วนของงาน สร้างจะทำออกมาไม่คมมากนัก แต่บทก็ยื่นมือเข้า มาประคองไว้ บางทีอาจยังไม่ใช่บทหนัง ที่สมบูรณ์อะไร เพราะว่ายังเต็มไปด้วยจุดโหว่ รสฝาดๆ อยู่บ้าง แต่ว่าก็ยังพอช่วยทำให้เส้นเรื่องของหนังเดินไปได้

เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ ย้อน

อาจจะต้องพูดว่า Phases of the Moon มีโจทย์ใหญ่ที่ค่อนข้างท้าทายมาก

และก็ในท้ายที่สุดแล้ว หนังที่พยายามทำอย่างเต็มที่ เพื่ออธิบายรวมทั้งถ่ายทอดข้อความ ที่แสนจะตะขิดตะข่วง ในแนวคิดของผู้ชม ผลลัพธ์ออกมายังรู้สึก เพลย์เซฟไปสักนิด กลายเป็นความท้าทาย ที่ยังอยู่ในท่วงท่าที่ก่ำกึ่ง จะไปทางนั้นก็ยังไม่สุด จะไปทางนี้ก็ยังไม่ถึง ก็รู้อย่างถ่องแท้ว่า โจทย์ออกจะยาก โดยเฉพาะช่วงท้ายของเรื่องนี้ ที่สัมผัสได้ถึงความพยายาม ที่จะหาจุดลงจอด ให้กับหนังยังไง ให้งดงามที่สุดเท่าที่จะทำได้

ระหว่างที่ดู Phases of the Moon อาจจะมีบางมุมทำให้ นึกถึงสไตล์หนังแบบหนัง เรื่องสุดคลาสสิก “Bungee Jumping of Their Own” (หรือ ดิว ไปด้วยกันนะ ในเวอร์ชั่นหนังไทย) ด้วยประเด็นที่คล้ายกัน หรือในคำเฉพาะจะบัญญัติว่าเป็นประเภท Twin Flame อะไรทำนองนั้น

แม้ว่าจะมิได้เป็นอะไรที่แปลกใหม่นัก เพราะผู้ชมน่าจะเคยมองเรื่องราวแบบนี้ มาก่อนเช่นกัน แต่ในหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ ค่อนข้างลงลึกในรายละเอียด รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึกของตนมากเป็นพิเศษ เป็นแฟนตาซี ที่อยู่บนพื้นฐานของความดราม่า

รวมทั้งที่สุดส่วนประกอบที่ดีงามที่สุดของหนัง Phases of the Moon ก็ต้องยกให้การแสดง ของทีมแคสติ้งทั้งเรื่องนี้ ที่นักแสดงทุกคนต่างสวมบทบาท แล้วก็รับหน้าที่ของตัวเอง ได้อย่างน่าประทับใจ

โดยเฉพาะ “โย โอซึมิ” ที่มอบการแสดงที่ถึงขนาด ล่ารางวัลได้สบายๆ เป็นตัวละครที่เหมือนเป็นตัวแทนความรู้สึกของผู้ชมโดยแท้จริง ท่ามกลางความสับสน ที่ต้องการจะเชื่อแต่ก็เชื่อไม่ลง กระทั่งความจริงมาปรากฏ ให้พิสูจน์อยู่ตรงหน้า และเขาก็เล่นซีนอารมณ์ได้ดีจัด

ในเวลาที่ “คาซึมิ อะริมูระ” ก็เล่นได้ดีไม่น้อย นี่แหละมือโปรของจริง บทที่เธอได้รับนั้น เป็นกุญแจสำคัญ ที่สุดของเรื่อง และนับว่าคาแรกเตอร์ที่เต็ม ไปด้วยมิติซับซ้อนเป็นอย่างดี แล้วก็ยังน่าประทับใจ

ที่หนังค่อยๆ ปลดล็อกมุมต่างๆ ด้วยการใช้ตัวละครนี้ เป็นจุดเชื่อมที่สำคัญ ทางด้าน “เรน เมกุโระ” พระเอกสุดฮอต ที่ถือว่าหนังเรื่องนี้ เป็นการแสดงหนังเรื่องแรก ในชีวิตของเขา ก็ถือว่าทำออกมาใช้ได้ทีเดียว ถึงแม้บทที่เขาได้นั้น จะขัดใจนิดหน่อย ตรงที่ไม่ค่อยมีแอร์ไทม์ให้ถ่ายทอดมิติ สักเท่าไหร่ แต่นับว่าเขาก็เดบิวต์ ได้สวยกับวงการหนัง

เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ บ้าน

จะว่าโดยสรุปแล้วนั้น Phases of the Moon เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ

เป็นหนังที่ยังให้อารมณ์ ความรู้สึกภายหลังที่จบ แล้วในทิศทางที่ยังก่ำกึ่งๆ อยู่ดี ด้วยเหตุว่าการร้อยเรียง เรื่องราวของหนังนั้น มีทั้งหมดที่ต้องการจะเชื่อ แต่ก็ยังมีมุมที่ยาก จะเหลือเชื่อเช่นเดียวกัน

แต่จัดว่าหนังถ่ายทอด ออกมาได้ออกจะคมคาย กว่าหนังแนวๆ นี้มี่เคยได้ดูมา เนื่องจากอย่างน้อยๆ ก็สร้างคลายล็อก อะไรบางต้องการที่ผู้ชมต้องการจะเห็น ได้อย่างตรงไปตรงมา

นี่บางทีอาจไม่ใช่หนังดราม่า แฟนตาซีที่ฟูมฟายอะไร เป็นเพียงเรื่องราวชีวิต ที่แสนลำเข็ญของคนหนึ่ง ที่อยู่บนพื้นฐานของความเหลือเชื่อ แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ยังเชื่อมโยง และร้อยเรียงเข้ากับความสัมพันธ์ ที่แนบแน่นมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อช่วงเวลาผ่านไป

แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่จะทำปฏิกิริยา กับผู้ชมได้แน่ๆ ก็คือความผูกพัน ระหว่างสายใยครอบครัว ให้ตายสิทุกซีนที่เป็นฉาก พ่อแม่ลูกของเรื่องนี้ ถึงมันจะละมุนอบอุ่นดี แต่ก็ทำน้ำตาคลอ ได้ทุกฉากเลยจริง ๆ

บิวกิ้น พุฒิพงศ์ แจงดราม่า

บิวกิ้น เจอดราม่าตั้งแต่ต้นปี ถือเคล็ดล้างห้องน้ำวัดสะเดาะเคราะห์ แจงฟ้องรุ่นพี่

พึ่งจะไปทำบุญล้างห้องน้ำวัดสะเดาะเคราะห์ หลังจากเจอดราม่าตั้งแต่ปี “บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” ยอมรับว่าอาจจะเนื่องจากเป็นปีชงแต่ว่ารับมือไหว ทั้งโดนรุ่นพี่สร้างแชตปลอมแฉ จนถึงกลับต้องดำเนินการตามกฎหมาย หรือเรื่องที่โดนขุดอดีต ที่ครั้งหนึ่งเคยล้อเลียนเพื่อน เจอ “บิวกิ้น” ร่วมงาน “Daikin Per fecting the Air for All”

บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ถือเคล็ด

ถามถึงที่ล่าสุดไปทำบุญมา เนื่องในโอกาสอะไร?

“ไม่ได้เนื่องในโอกาสอะไรเลย พอดีมีพี่ผู้ใหญ่คนหนึ่งเค้าจะไปอยู่แล้ว เค้าเอ็นดูผมกับพีพี ก็เลยชักชวนต้องการที่จะให้เราไปด้วย ก็ไปล้างห้องน้ำที่วัดครับผม และไปพบสมเด็จพระสังฆราชครับ ก็ทำบุญต้อนรับปีใหม่ด้วยครับ จริงๆ มิได้คิดอะไรเลย เป็นครั้งแรกเลย ที่ได้ล้างห้องน้ำวัด ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดีของพีพีด้วย แล้วก็เป็นการล้างห้องน้ำครั้งแรกในชีวิตด้วย ผมว่ามันสนุกดีนะ”

เป็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยมั้ย?

“ก็ได้ครับผม จริงๆ ปีนี้ก็มีชงอยู่เช่นเดียวกันก็ถือโอกาสไปเลย แต่ว่ามิได้ขอพรอะไรเป็นพิเศษ ก็เข้าไปแบบปล่อยใจให้สบายๆ”

สมเด็จพระสังฆราชท่านให้พรอะไรเราบ้าง?

“จริงๆก็ไม่ได้ให้พรอะไรมากมาย ส่วนมากท่านก็จะคุย พรมน้ำมนต์แล้วก็กลับ เข้าไปกราบท่านมากกว่า”

พูดว่าปีชง เราชงหนักขนาดไหน?

“ไม่ทราบว่าหนักแค่ไหน แต่ปีนี้มาก็ใช้ได้อยู่ (หัวเราะ) ถามเชื่อมั้ย ก็ฟังหูไว้หู มิได้เชื่อขนาดนั้น แต่ว่าก็มิได้ลบหลู่ แต่ว่าพอได้ทำบุญ ก็เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจครับผม”

ปัจจุบันทางค่ายเราก็ออกหนังสือฟ้องแล้ว เรายื่นฟ้องไปกี่กรณี?

“กรณีเดียวครับผม จากที่แจ้งไปซึ่งมันคือเรื่องที่เค้ามาเอ่ยถึง เราในตอนเรียน ซึ่งเราก็มีการตรวจดู จริงๆผมโทร.ไปคุยกับเค้าเอง เพราะเหตุว่าเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนผม ก็มีการคุยถามเคลียร์ใจกัน จริงๆ ผมไม่รู้จักเค้า แต่ว่าเค้าเรียนโรงเรียนเดียวกับผม ซึ่งก็บอกเค้าว่าโอเค ผมไม่ได้ติดใจอะไร แต่ว่าเราก็บอกว่าบางทีอาจต้องให้พี่โพสต์ขอโทษหน่อยนะ

ด้วยเหตุว่าหนึ่งคือผมก็จำไม่ได้ เค้าก็จำไม่ได้ เราไม่สามารถพิสูจน์ความจริงได้ สุดท้ายผมก็เลยให้เค้าติดต่อบุคคลที่สาม ที่เค้ากล่าวถึง เค้าก็ไปทำแชตปลอมมา แต่ว่าเราจับได้ เราก็รู้สึกว่าพอไม่ได้โปร่งใส จริงๆ การฟ้องเป็นเหมือนการปกป้องตัวมากกว่า เราก็รักษาสิทธิ์ว่าหากเราไว้วางใจเค้ามิได้ เราขอดำเนินการไว้ก่อน ในเวลานี้ยังมิได้ขึ้นสู่ชั้นศาล แต่ว่าเค้าก็หยุดแล้วครับ จริงๆ เค้าโพสต์ขอโทษเรียบร้อยแล้ว อันนี้ก็เป็นเรื่องไกล่เกลี่ยกันมากกว่า”

บิวกิ้น พุฒิพงศ์ แจง

แล้วความรู้สึกเราในช่วงเวลานี้ดีขึ้นมั้ย?

“ก็ดีขึ้นครับ ไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้ขนาด นั้น แต่ว่าพอดีเค้าดันไปอ้างอีกคนหนึ่ง ซึ่งอีกคนหนึ่งผมดันรู้จักเค้า เค้าก็เลยออกมาเล่าในมุมเค้า ผมก็ไม่ได้ติดใจ แต่ว่าในมุมหนึ่งผมก็สงสารเค้าด้วย ภายหลังจากฟ้องไปก็ยังไม่ได้ติดต่อเลย ได้เคลียร์แล้วก็สบายใจขึ้นครับผม ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบมีเรื่องคดีความ มันคาใจหน่อยนึง แต่ก็ทำดีที่สุดแล้ว”

กับเรื่องในอดีตเรารู้สึกยังไงบ้างที่เดี๋ยวนี้มันโดนขุดกลับมา จริงบ้างไม่จริงบ้าง?

“พอเราใช้ชีวิตไป ในบางเรื่องที่เราได้รับการเอดดูเคตมากขึ้น หรือสังคมได้รับการเอดดูเคตมากขึ้น เราก็มีจุดด่างพร้อยกันหมดแหละ ผมก็มีจุดบกพร่องมากมายในชีวิต ก่อนหน้านี้ มันก็เป็นสิ่งที่เราจะต้องยอมรับ แล้วในฐานะของคนคนหนึ่ง ถ้าหากเราทำจริง แล้วในวันนี้มันถูกเอดดูเคตว่า สิ่งนี้มันไม่เหมาะสม มันเข้าใจได้ และก็ยอมรับได้ ก็ยอมรับว่าเราเป็นยังไงในวันนั้น แล้ววันนี้เราเป็นอย่างไร เราเปลี่ยนไปยังไง ปรับปรุงตัวเองอย่างไร ข้อดีคือมันสะท้อนสังคม ให้เห็นว่าสิ่งนี้มันไม่ดี แล้วมันเป็นสิ่งที่เราก็เคยทำ แต่ในวันนี้เราทำความเข้าใจกับสิ่งนี้ เราเติบโตมาและก็เราก็ขอโทษ ที่ในวันนั้นเราอาจจะไม่ได้เข้าใจมันดีขนาดนั้น”

แฟนๆเป็นห่วงสภาพจิตใจเรา?

“ก็ได้อยู่ครับ ไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุว่าเราทำจริงๆ หมายความว่าว่าในบางเคส เราก็ยอมรับและเราก็ไปต่อ เราก็ขอโทษ ผมว่ามันเข้าใจได้ ในวันนั้นกับในวันนี้มันแตกต่าง”

เป็นการเสริมภูมิในแวดวงบันเทิงมั้ย?

“ก็ด้วยครับ แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยชิน เรื่องบางเรื่องมันผ่านมานานแล้ว แต่ถ้ามันจริงเราก็ต้องยอมรับว่ามันจริง ความจริงก็คือความจริง”

บิวกิ้น พุฒิพงศ์ โพสต์

บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ขอโทษจากใจ โดนขุดพฤติกรรมเคยบูลลี่เพื่อน LGBTQ+ ยอมรับขาดวิจารณญาณ

ดาราคนที่ใครๆก็รู้จักหลายคน เริ่มโดนขุดเรื่องราวในอดีต แล้วก็วีรกรรมสุดแสบสมัยตอนยังเด็ก รวมถึงหนุ่ม บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ก็โดนด้วยเช่นกัน โดยเจ้าตัวได้ถูกแคปข้อความ ที่เคยบูลลี่เพื่อนในวัยเรียน ซึ่งเป็น LGBTQ+ และนำออกมาโพสต์ลงโซเชียล ซึ่งตัว บิวกิ้น เองก็ได้ออกมาขอโทษและชี้แจง พร้อมด้วยแสดงความสำนึกผิดแล้ว โดย บิวกิ้น ได้บอกว่า

“จากในกรณีที่มีการแชร์ คอมเมนต์ในเฟซบุ๊กของผมและเพื่อนสนิทในอดีต ผมขอยืนยันว่าเป็นเฟซบุ๊กของผมจริง และก็ได้พิมพ์คอมเมนต์ ด้วยตัวเองจริงๆ หลังจากทราบเรื่อง ผมได้ติดต่อไปหาเพื่อนสนิทคนดังกล่าว ผมได้ขอโทษเพื่อนเรียบร้อย โดยเพื่อนไม่ได้ติดใจกับคอมเมนต์ของผมแล้ว

กรณีนี้ผมยอมรับว่า คอมเมนต์ที่ผมเคยอ้างถึงไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด และในวันนั้นผมได้กระทำ โดยขาดวิจารณญาณ สำหรับการคิดและก็ไตร่ตรองให้รอบคอบถึงผลลัพธ์ ทุกทางที่อาจเกิดขึ้นกับผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม

ในวันนี้ผมรู้สึกเสียใจกับการกระทำ ในอดีตทั้งกรณีในนี้ รวมทั้งการกระทำอื่นๆ ที่ผมเคยทำในทำนองเดียวกัน กับบุคคลอื่นๆด้วย วันนี้ผมเติบโต เรียนรู้ มีวิจารณญาณ สามารถรับทราบและก็แยกแยะถึงสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ เพิ่มมากขึ้นแล้ว ซึ่งผมจะไม่ให้กรณีที่ไม่เหมาะสมอย่างงี้เกิดขึ้นอีก สุดท้ายนี้ผมขอโทษเพื่อนสนิทของผมอีกครั้ง รวมถึงขอโทษทุกคน มา ณ ที่นี้ด้วยครับ บิวกิ้น 10 มกราคม 2566”.

The Son รีวิวหนัง

รีวิวหนัง The Son สัมพันธ์ด่ำดิ่ง..รวดร้าว แทบลงไปนอนกองที่พื้นโรงหนัง

อีกหนึ่งผลงานหนังดราม่าสุดจัดจ้าน ทางการแสดงของผู้กำกับที่โดดเด่นกับการร้อยเรียง ประเด็นครอบครัวได้อย่างเชี่ยวชาญ อย่าง “ฟลอเรียน เซลเลอร์” นักสร้างภาพยนตร์ที่เคยปังสุดๆ มาพร้อมกับหนังชิงออสการ์ อย่าง The Father และก็มาล่าสุดใน “The Son” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังภาคต้น จากเรื่องที่แล้ว ที่ยังคงเน้นกับการ ใส่เนื้อความเกี่ยวกับ สถาบันครอบครัวได้อย่างลึกซึ้งรวมทั้งเจ็บปวด ซึ่งจะต้องบอกตรงๆ เลยว่าหนังเรื่องทำปฏิกิริยา กับผู้ชมอย่างด่ำดิ่ง ประเภทที่แทบลงไปนอนกองที่พื้น

The Son ครอบครัว

The Son เล่าเรื่องราวของ ปีเตอร์ กำลังยุ่งอยู่กับชีวิตหน้าที่การงานของเขา

รวมทั้งการดูแลภรรยาคนปัจจุบัน เบธ กับลูกๆ ของพวกเขา จนการปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งของ เคต อดีตภรรยาที่มาพร้อมกับ นิโคลัส ลูกชายที่เติบใหญ่เป็นวัยรุ่น ทำให้ชีวิตของปีเตอร์

จะต้องเจอกับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกที ในการจัดการกับอดีต ที่เขาเคยเดินจากมา และบัดนี้ได้ไล่ติดตาม ถึงตัวเขาอีกรอบ

หนังเรื่องนี้ปรับเปลี่ยนมาจากฉบับละครเวที (Le Fils) ที่ ฟลอเรียน เซลเลอร์ เป็นผู้ประพันธ์ และก็สร้างเอาไว้ เมื่อปี 2018 โดยเขาหยิบจับเอาบทละคร มาขัดเกลาปั้นออกมา เป็นบทหนังที่เต็มไปด้วยความคมคายเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์และปัญหาในครอบครัว ได้อย่างบรรจงสร้าง บาดเจ็บไปด้วยการแสดงของนักแสดง

หลักๆเพียงแค่ไม่กี่คน แต่เต็มไปด้วยความทรงพลัง เป็นหนังที่แทรกสอดประเด็นได้อย่างหนักอึ้ง รวมทั้งสะท้อนปัญหาปัจจุบันนี้ ของความเป็นครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม

ถึงแม้ว่าเสียงวิภาควิจารณ์จากเหล่านักวิจารณ์ทั้งโลก จะไม่ได้ประทับใจในหนังเรื่องนี้กันสักเท่าไหร่ เนื่องจากว่าความที่เป็นหนัง สไตล์เมโลดราม่า ที่มิได้เหนือการคาดการณ์อะไรสักเท่าไหร่

แต่ว่าไม่ว่าใครจะไม่ชอบ แต่ว่าทางเราชอบหนังเรื่องนี้ ในระดับน่าพอใจ ถึงมันบางทีอาจยังไม่ใช่หนังที่เต็ม ไปด้วยองค์ประกอบที่เพอร์เฟ็ค แต่ว่าอย่างน้อยๆTheSon ก็สร้างปฏิกิริยา และขับเคลื่อนอารมณ์ ให้กับผู้ชมไปได้ด้วยดี ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้

The Son อดีต

บทหนังในเรื่อง The Son นั้น เป็นหากใคร

เป็นผู้เสพสายละครเวที หรือ Performance Art มานั่น จะสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่า หนังยังมีความเป็นละครเวทีปะปนอยู่เต็มไปหมด เสมือนหยิบการแสดงบนเวที มาร้อยเรียงเป็นช็อตๆ เรียบเรียงคือเรื่องเดียวกันออกมา เป็นหนังเรื่องนี้ และก็เป็นไปตามที่นักวิจารณ์

บอกกันว่าบทหนังไม่ได้ มีอะไรที่เหนือการคาดคะเน เนื่องจากถ้าหากทดลองตามดูไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้จะทายแนวทางของหนังได้ยากเท่าไหร่ บทสรุปและจุดหักมุมต่างๆ มีความเป็นแอคติ้งสเตจตามสูตร

ทางด้านงานสร้างของหนังเรื่องนี้ ดูอย่างกับว่า ฟลอเรียน เซลเลอร์ ก็ยังคงนำเสน่ห์ รวมทั้งวิสัยทัศน์ ที่คุ้นเคยของเขามา ใช้อยู่เช่นเดิม หลายประองค์ในหนังเรื่องนี้ ยังส่งผลให้นึกถึง The Father ผลงานเรื่องก่อน อยู่ประปราย มุมภาพ มุมกล้อง และแนวทางเสนอต่างๆ ของ TheSonยังเน้นย้ำไปที่การโฟกัสแบบโคสอัพตัวละคร ที่กำลังสื่อสารอารมณ์ อยู่ได้อย่างไม่อ้อมค้อม แม้ว่าจะไม่ใช่แนวทางที่แปลกใหม่ รวมทั้งออกจะดูธรรมดาไปหน่อย แต่ว่าก็ถือว่ายังเป็นสูตรเดิม ที่เวิร์กกับตัวหนังดีอยู่

The Son ดราม่า

ส่วนพาร์ททางการแสดงก็จัดว่าไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย “ฮิวจ์ แจ็คแมน”

คือแบกรับ รวมทั้งตีโจทย์ออกมาได้ดี ตามมาตรฐานของเขา ถึงแม้ว่าแอคติ้งของเขา จะมิได้ทรงพลังยิ่งยวดอะไรขนาดนั้น แต่ว่าจัดได้ว่าสื่อสาร ทางอารมณ์ออกมาได้ดี ทั้งผ่านอากัปกิริยาและไดอะล็อกต่างๆ เขาทำได้น่าพอใจ เป็นการแสดงที่ดี ในมาตรฐานไปถึง รางวัลได้ เพียงต้องมาดูว่าคู่แข่ง ในปีนั้นๆ จะแข็งแกร่งสักมากแค่ไหน ซึ่งแน่นอน ว่ายังมีคนอื่น จากเรื่องอื่นที่ดีกว่า

ขณะที่ “ลอร่า เดิร๋น” กับ “วาเนสซา เคอร์บี้” ก็ถือว่าเป็นตัวละคร ที่ละสายตาไปไม่ได้เหมือนกัน พวกเขามอบการแสดง ที่น่าพึงพอใจและดีตามมาตรฐานของตัวเองเหมือนกัน

หรือแม้กระทั่ง “แอนโทนี ฮอพกินส์” ที่ตำนานก็ยังคือตำนาน ออกมาแค่เพียงซีนเดียวใหญ่ๆ ก็ทรงพลังได้อย่างน่าขนลุก และก็ผู้ที่ไม่กล่าวถึงอาจจะไม่ได้ก็คือ “เซน แม็คกราธ” นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งหน้าใหม่ ที่ประสบการณ์บางทีอาจยังน้อย แต่ว่าลีลากการเข้าถึงบทดราม่า ของเขาก็จัดได้ว่าจัดจ้านดี

โดยเหตุนั้นโดยภาพรวมแล้ว TheSon นับได้ว่าเป็นหนังดราม่า ที่เต็มไปด้วยเนื้อความ ที่ทรงพลังดี สะท้อนถึงปัญหาสังคม และครอบครัวได้อย่างรวดร้าว การเล่าเรื่องที่ง่ายๆ ออกไปทางละครเวที เรื่องยาวที่ยังทำได้ตรึงใจดี กับการแสดงของนักแสดงมือโปร ที่ช่วยประคองตัวหนัง ทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างดี

ถึงแม้หนังจะยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์ ในทุกด้านก็ตาม แล้วก็บทหนังก็ยังออกจะธรรมดา ไม่เกินที่คาดเดาเท่าไรนัก แต่แค่ประเด็นของหนัง ที่อยากสื่อสารออกมานั้น ก็นับว่าสามารถซื้อใจ และก็ทำให้รู้สึกเหนี่ยวรั้ง อารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนกระทั่งฉากจบของเรื่อง

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Son

ประเภท: ดราม่า / ครอบครัว
ผู้กำกับ: ฟลอเรียน เซลเลอร์
แสดงนำโดย: ฮิวจ์ แจ็คแมน, ลอร่า เดิร์น, วาเนสซา เคอร์บี้
ความยาว: 123 นาที
กำหนดฉายในไทย: 26 มกราคม 2023 (เฉพาะที่ House สามย่าน)

ENHYPEN คอนเสิร์ตที่ไทย

สุดปัง “ENHYPEN” บัตรเวิลด์ทัวร์ในไทย SOLD OUT

สิ้นสุดการรอบอยแบนด์สุดฮอต ENHYPEN (เอนไฮเพน) 7 สมาชิกสุดฮอต จองวอน (JUNGWON), ฮีซึง (HEESEUNG), เจย์ (JAY), เจค (JAKE), ซองฮุน (SUNGHOON), ซอนอู (SUNOO) แล้วก็ นิกิ (NI-KI) ภายหลังจากเปิดขายบัตรคอนเสิร์ตงาน “ENHYPEN WORLD TOUR ‘MANIFESTO’ in BANGKOK” คอนเสิร์ตเดี่ยว ในประเทศไทยคราวแรก

ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากเหล่า ENGENE (เอนจีน) หรือชื่อกลุ่มแฟนคลับ ทั้งชาวไทยและก็ชาวต่างประเทศเพราะเหตุว่าบัตรทั้ง 2 รอบการแสดงถูกจับจอง เต็มทุกที่นั่งในที่สุด

ไม่ว่าเดินทางไปสร้าง Future Perfect ที่ประเทศไหน 7 หนุ่ม ENHYPEN ก็ฮอตไม่มีแผ่วเลย ด้านกระแสในโซเชียลมีเดีย ของงานนี้ก็ไม่เคยแผ่ว แฟนคลับช่วยปั่นแฮชแท็กของงาน #MANI FESTO_ IN_BANGKOK ขึ้นเทรนด์อยู่เรื่อยๆ ยิ่งตอกย้ำว่า “ENGENE” ชาวไทยรอคอยให้เมืองไทยมี เอนไฮเพน มานานขนาดไหน ผู้ใดที่มีบัตรเข้าชม

เตรียมให้พร้อม แล้วมา Kill the past และ SHOUT OUT ให้ดัง ๆ ในวันเสาร์ที่ 28 ม.ค. 66 เวลา 18.00 น. และวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 66 เวลา 17.00 น. (เวลาประเทศ ไทย)ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี “2 รอบการแสดง”

ENHYPEN ไอดอล

เปิดประวัติ “เอนไฮเพน” รุกกี้บอยแบนด์น้องใหม่มาแรงจากค่าย Belift Lab

ชวนทำความรู้จักกับ 7 หนุ่ม “ENHYPEN” ผู้ชนะจากรายการเฟ้นหา ไอดอลมีชื่อ “I-LAND” เพิ่งจะเดบิวต์ได้เพียงแค่หนึ่งปี ก็ขึ้นแท่นเป็นรุกกี้บอยแบนด์น้องใหม่ มาแรงไปเลยสิคะ

แม้ว่าในแวดวงเพลง K-Pop จะมีศิลปินหน้าใหม่ เดบิวต์มากมาย แต่ว่าถ้าเอ่ยถึงรุกกี้ ที่น่าจับตามอง ทางฝั่งบอยกรุ๊ปนั้นก็คงจะต้องยกให้ 7 หนุ่ม “เอนไฮเพน” บอยแบนด์สุดปัง จากรายการเฟ้นหาไอดอลโด่งดัง “I-LAND” ฮอตขนาดที่ว่าเอารางวัล รวมทั้งทำลายสถิติต่างๆเพียบ ด้วยความสามารถที่ครบถ้วน แล้วก็เสน่ห์ที่เกินต้าน

ก็ทำให้ตกหัวใจของแฟนคลับ ได้ไม่ยาก เดบิวต์ได้เพียงแค่หนึ่งปีมีฐานแฟนคลับแน่น ทั้งในเกาหลีใต้รวมทั้งต่างประเทศ มาแรงแบบฉุดไม่อยู่งานนี้ The Concert ก็ไม่พลาดที่จะพาไปทำความรู้จัก คำเตือน โปรดอ่านอย่างระมัดระวัง อาจโดนตกเข้าด้อม แบบไม่รู้ตัว

บทสรุปของรายการเฟ้นหาไอดอลคือจุดเริ่มของบอยแบนด์หน้าใหม่  เอนไฮเพน รุกกี้บอยแบนด์น้องใหม่มาแรงจากค่าย “Belift Lab” เป็นการจับมือกัน ระหว่างค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ HYBE Labels (ชื่อเดิม Big Hit Entertainment) และก็ CJ E&M Entertainment มีสมาชิกทั้งหมด 7 คน

ซึ่งเป็นผู้ชนะจากรายการ Survival เฟ้นหาไอดอลชื่อดัง “I-LAND” สำหรับในการออกอากาศตอนสุดท้าย ของรายการ ได้มีการประกาศรายชื่อผู้ชนะทั้ง 7 ที่จะได้เดบิวต์ เป็นบอยกรุ๊ปวงใหม่ แล้วก็ทำกิจกรรมในชื่อวง “เอนไฮเพน” โดยอันดับที่ 1-6 มาจากการโหวต ของผู้ชมทั่วโลก (GLOBAL VOTE) ส่วนอันดับที่ 7 มาจากการเลือกของโปรดิวเซอร์ ซึ่งสมาชิกทั้ง 7 คนประกอบไปด้วย

ENHYPEN จองวอน

ชื่อ : Yang Jung Won

Stage Name : Jungwon (จองวอน)
วันเกิด : 9 เดือนกุมภาพันธ์ 2004
สัญชาติ : เกาหลีใต้
ตำแหน่ง : นักเต้นนำ, นักร้อง, หัวหน้าวง
ลำดับในรายการ : อันดับที่ 1 ด้วยคะแนน 1,417,620 โหวต

สมฉายาเล็กพริกขี้หนู ถึงแม้จะอยู่ในมักเน่ไลน์ แต่ว่าก็สามารถคว้าอันดับ 1 จากการแข่งขันมาได้ พร้อมตำแหน่งลีดเดอร์วง เพราะว่าความสามารถที่ครบเครื่องบวกกับความวิชวล ก็กวาดยอดโหวตไปได้เยอะที่สุด

ENHYPEN ฮีซึง

ชื่อ : Lee Hee Seung

Stage Name : Heeseung (ฮีซึง)
วันเกิด : 15 เดือนตุลาคม 2001
สัญชาติ : ประเทศเกาหลีใต้
ตำแหน่ง : นักร้องหลัก, นักเต้นนำ, เซ็นเตอร์
ลำดับในรายการ : อันดับที่ 5 ด้วยคะแนน 1,137,323 โหวต

พี่ใหญ่ของวงที่เคยฝึกร่วมกับสมาชิกวง TxT โดยผลงานที่เด่นจนเข้าตาแฟนคลับ ก็คือการโชว์จากรอบแรกในเพลง Boss ของรุ่นพี่ NCT U แฟนๆถูกใจจนทุ่มโหวตเข้ามาเป็นอันดับ 5 ในที่สุด

เจย์ENHYPEN

ชื่อ : Park Jong Sung

Stage Name : Jay (เจย์)
วันเกิด : 20 เมษายน 2002
สัญชาติ : ประเทศเกาหลี – อเมริกัน
ตำแหน่ง : นักเต้นนำ, แร็ปเปอร์, นักร้อง
ลำดับในรายการ : อันดับที่ 2 ด้วยคะแนน 1,182,889 โหวต

เด็กหนุ่มสัญชาติประเทศเกาหลี ที่เติบโตในอเมริกา ก่อนจะย้ายกลับมาเดิน ตามความฝันเข้ามาเป็นเด็กฝึก ด้วยระยะเวลาเกือบจะ 3 ปี และก็ตกลงร่วมรายการ มาตกหัวใจแฟนๆ ด้วยเสน่ห์อันร้อนแรงจากโชว์ The 7th Sense ของรุ่นพี่ NCT U

เจคENHYPEN

ชื่อ : Sim Jae Yun

Stage Name : Jake (เจค)
วันเกิด : 15 เดือนพฤศจิกายน 2002
สัญชาติ : ออสเตรเลีย
ตำแหน่ง : แร็ปเปอร์, นักร้อง
ลำดับในรายการ : อันดับที่ 3 ด้วยคะแนน 1,179,633 โหวต

เป็นอีกหนึ่งผู้ที่มีระยะเวลาการฝึกไม่ถึงปี แต่ความสามารถ ที่ได้โชว์ออกมาในเพลง Crown ของวง TxT ก็ทำให้บรรดาแฟนๆ สนใจเป็นอย่างยิ่งจนคว้าอันดับ 3 จากการแข่งขัน

ซองฮุนENHYPEN

ชื่อ : Park Sung Hoon

Stage Name : Sunghoon (ซองฮุน)
วันเกิด : 8 ธ.ค. 2002
สัญชาติ : เกาหลีใต้
ตำแหน่ง : นักเต้น, นักร้อง
ลำดับในรายการ : อันดับที่ 6 ด้วยคะแนน 1,088,413 โหวต

ซังฮุนเป็นเด็กฝึกฝนนานถึง 2 ปี 1 เดือน แถมมีความสามารถที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างสเก็ตบอร์ด แข่งขันจนได้รางวัล Asian Open และ Lombardia เมื่อปี 2015 หลงใหลในแนวฮิปฮอปเป็นพิเศษ

ENHYPENซอนอู

ชื่อ : Kim Seon Woo

Stage Name : Sunoo (ซอนอู)
วันเกิด : 24 เดือนมิถุนายน 2003
สัญชาติ : เกาหลีใต้
ตำแหน่ง : นักร้อง
ลำดับในรายการ : อันดับที่ 7 ด้วยคะแนน 935,771 โหวต

ซอนอูมีระยะเวลาในการเป็นเด็กฝึกเพียง 10 เดือนก่อนร่วมการแข่ง แต่ว่าความสามารถก็ไม่เป็นรองใคร คว้าที่นั่งสุดท้ายของวง มาได้จากการถูกเลือกโดยโปรดิวเซอร์ ด้วยความสามารถ ทางด้านการแสดงบนเวทีที่มีเสน่ห์

ENHYPENนิกิ

ชื่อ : Nishimura Riki

Stage Name : Ni-ki (นิกิ)
วันเกิด : 9 ธ.ค. 2005
สัญชาติ : ญี่ปุ่น
ตำแหน่ง : นักเต้นหลัก, แร็ปเปอร์
ลำดับในรายการ : อันดับที่ 4 ด้วยคะแนน 1,140,718 โหวต

มักเน่ของวงที่เต็มเปี่ยม ไปด้วยความสามารถ เคยเป็นแบ็คอัพแดนเซอร์ให้กับวง SHINee เมื่อปี 2016-2017 ซึ่งขณะนั้นนิกิยังเป็นเพียงแค่เด็กอายุ 12 ปีเท่านั้น

ENHYPENงานที่ไทย

ENHYPEN มาจากคำว่า Hyphen ที่รู้จักกันในชื่อยัติภังค์ หรือเครื่องหมายขีด (-)

ใช้สำหรับเชื่อมคำเข้าด้วยกัน มีความหมายอย่างสวยงามว่า “แสงสว่างทั้ง 7 ที่เคยส่องสว่างอย่างโดดเดี่ยว ได้มาพบกันและเติบโตไปพร้อมๆกัน” เปรียบกับการเชื่อมต่อ ของสมาชิกวงไปสู่การค้นพบ พร้อมเอาชนะขีดจำกัดของแต่ละคน เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกัน

อ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่มีความรู้สึกว่าโดนตกเข้าให้แล้ว มาค่ะ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “ENGENE” (เอนจีน) ด้อมที่มีชื่อมาจาก การรวมคำว่า “EN” จากชื่อ “ENHYPEN” และคำว่า “GENE” ที่แปลว่ายีน เข้าไว้ร่วมกัน

มีความหมายแสนเท่ 2 ความหมาย หนึ่งคือ “แฟนคลับเป็นเครื่องยนต์ ที่ทำให้พวกเขาเติบโตและก้าวต่อไป” และสองคือ “แฟนคลับเป็นยีนของพวกเขา ทำให้มี DNA เดียวกัน สามารถเชื่อมต่อ ค้นพบ และก็เติบโตไปร่วมกันได้”

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นก่อนเริ่มต้นเดบิวต์อย่างเป็นทางการ

ยังไม่ทันได้เดบิวต์หนุ่ม ๆ ทั้ง 7 คนก็สามารถคว้ารางวัลมาครองได้แล้ว ฮอตสุดๆจนกระทั่งแฟนคลับ พากันกดติดตาม ช่องออฟฟิเชียลหลักใน YouTube ของ จนกระทั่งมียอดผู้ติดตามเกิน 1 ล้านคน ก่อนจะได้เดบิวต์ อย่างเป็นทางการ ก็รับรางวัล Gold Creator Award จาก YouTube ไปเลยสิคะ

สร้างสถิติสุดปัง เป็นบอยแบนด์หน้าใหม่ที่ทำยอดขายอัลบั้มได้มากที่สุดในปี 2020 แค่เริ่มหนทางการไอดอล ก็ปังแบบไม่ไหว เดบิวต์อย่างเป็นทางการวันที่ 30 เดือนพฤศจิกายน 2020 ด้วยมินิอัลบั้มแรก “BORDER : DAY ONE”

ที่มาพร้อมกับเพลงโปรโมตอย่าง “Given-Taken” ได้รับกระแสตอบรับเกินคาด ทำยอดขายอัลบั้มพุ่งไปถึง 288,000 ชุด นับเป็นจำนวน ยอดขายอัลบั้ม ที่มากที่สุด ที่ศิลปินบอยกรุ๊ปหน้าใหม่ทำได้ในปี 2020

ยิปซี คีรติ แฟนหนุ่ม

ยิปซี คีรติ เผยฤกษ์วิวาห์ นิโคลัส หลังถูกเลื่อนมาหลายปีเพราะโควิด

ภายหลังที่สาวสวยสุดเซ็กซี่อย่าง ยิปซี คีรติ ถูกแฟนหนุ่ม นิโคลัส ขอแต่งงานไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมา แต่ว่าต้องถูกเลื่อนออกไป เพราะเหตุว่าพิษโควิด

แต่ว่าล่าสุด ยิปซี คิรติ ก็ได้มาร่วมงาน 30 DAYS CHALLENGE SEASON 3 BEAUTIFIT พิชิตผิวใสหุ่นสวย ที่เมเจอร์ ซีเนเพล็กซ์ รัชโยธิน ก็ได้อัปเดตเรื่องความรัก กับแฟนหนุ่ม พร้อมเผยข่าวดีจัดเตรียมจะสมรสปลายปีนี้ว่า

ความรักกับนิโคลัส?

ดีมากๆเลยค่ะ

ยิปซี คีรติ แต่งงาน

เขาหายดีแล้ว?

หายดีแล้วค่ะ เรื่องในขณะนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนตอน 6 เดือนแรกที่คบกัน และก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งหายเป็นปกติ ขณะนั้นตกใจมาก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยิป มีความรู้สึกว่าหนักมาก เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต มันใหม่มากสำหรับเรา เรื่องราวมันเหมือนกับในหนัง ในละครเลย เขาจำไม่ได้เลยว่า เราเป็นใคร ความจำเขาจะไปๆมาๆบางครั้งเขาจำได้ อีกประมาณ 10 นาทีเขาก็ลืม ก็จะต้องเริ่มใหม่ เป็นอย่างงั้นอยู่หลายเดือนเหมือนกัน

ผ่านมันมายังไง?

ตอนนั้นคิดอะไรไม่ค่อยออก คิดวันต่อวันเลยค่ะ ประคองกันไป ในตอนนั้นงานเราก็หนัก ถ่ายละคร 2 เรื่อง ทำงานเสร็จ ก็จะต้องวิ่งมาโรงพยาบาลทุกวัน เราก็คอยช่วยเหลือ คอยดูแลกัน ดีแล้วค่ะที่ผ่านมาได้ (ยิ้ม)

เขาชอฐถ่ายภาพเราตอนนอนหลับ?

มันน่าจะเป็นงานอดิเรกของเขาไปแล้ว ที่เขามักจะทำแบบนั้น เขาทำมาตลอด เขาจะชอบใช้ช่วงที่เราตายใจ แบบคิดว่าเราจะไม่ทำแล้ว เขาก็ทำแล้วก็พัฒนาสกิล ในการตั้งหมอนไปเรื่อยๆ ยิปเป็นคนหลับลึกจริง ๆ หลับเร็วด้วย 2-3 ทุ่มก็นอนแล้ว เราจะนอนก่อนเขาตลอด เราจะมารู้ตอนเช้า ตอนที่เปิดโทรศัพท์ ก็จะเห็นรูปล่าสุดเป็นรูปเรา บางทีเขาก็จะเอารูป มาตั้งเป็นวอลเปเปอร์เราเลย

มีดุเขาไหม?

เขาก็อาจขี้แกล้ง เอ็นดูแหละ เราก็มิได้ซีเรียสอยู่แล้ว หลังๆพอเรามาทำช่องยูทูบของตนเอง เราก็เป็นตัวเองมาก ๆ กับทุกคน เขาก็เห็นยิปหน้าสดกันบ่อยอยู่แล้ว (คนเข้ามาคอมเมนต์ ขอวิธีนอนหลับยังไงให้สวยแบบยิป?) เราไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ นับว่าโชคดีที่รูปออกมาโอเค

ยิปซีคีรติคาเฟ่

จะมีข่าวดีเร็วๆนี้ไหม?

จริงๆก็มีแพลนปลายปีนี้ โดยประมาณก.ย. กำลังพึ่งจะเริ่ม ๆ จัดเตรียม หวังว่าจะไม่มีอะไรสะดุด ทุกสิ่งทุกอย่างต้องได้เกิดขึ้น แน่ๆว่ายิปต้องจัดที่ทะเล เรื่องพิธีการต่าง ๆ ยิปโชคดีมาก ที่ครอบครัวไม่ซีเรียสเลย เขาเห็นว่าเราอยู่ร่วมกัน เป็นความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ ช่วยเหลือกันมา ซัพพอร์ตกันในทุกเรื่อง เขาเลยไม่ซีเรียสว่าจะต้องจัดหรือไม่จัด แต่ว่าที่เราจัดเราต้องการ ที่จะมีโมเมนต์ที่เป็นของเราสองคนจริงๆ

5 ปีที่คบกันมาเราซาบซึ้งใจอะไรในตัวเขา?

เรามีความคิดว่าเขาเป็นทั้งแฟน คนรัก และก็เป็นทั้งเพื่อนของเราด้วย เป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีในชีวิต เป็นผู้ที่สม่ำเสมอมาก ตั้งแต่วันแรกที่คบกัน แล้วก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ยิปคิดว่าอยู่กับคนนี้แล้ว ต้องการอยู่ด้วยต่อไป เขาทำให้ยิปเป็นผู้ที่ดีขึ้นด้วย ครอบครัวทุกฝ่ายก็แฮปปี้

ยิปซี คีรติ หุ่นแซ่บ

“ยิปซี” ทำใจสั่นอีกแล้ว โชว์หุ่นเป๊ะเอวสับในชุดบิกินี่ แซ่บทะลุแสงไฟ

ยิปซี คีรติ ทำใจสั่นอีกแล้วปล่อยทีเด็ด ในช่วงวันหยุดกับชุดบิกินี่สุดเซ็กซี่ ความแซ่บทะลุแสงไฟอย่างยิ่งจริงๆ

กลับมาทวงบัลลังก์ ความเซ็กซี่คืนอีกรอบสำหรับสาว ยิปซี คีรติ ที่ปัจจุบันเธอเกี่ยวก้อยกับแฟนหนุ่มชาวต่างชาติ นิโคลัส ไปทริปทะเลจังหวัดระยอง แน่นอนว่ามาทะเลของ ยิปซี ก็จะต้องมีภาพสวยๆ พร้อมทั้งวิวงาม ๆ มาฝากแฟนๆ กันอยู่ตลอดๆ

แล้วก็ทริปนี้ ยิปซี ขอปล่อยทีเด็ดทำใจสั่นรัว ๆ กันอีกครั้งกับชุดบิกินี่สีน้ำเงิน โชว์หุ่นสุดเป๊ะ เอวเอสเอวสับความเซ็กซี่ มาเต็มเฟรมความแซ่บทะลุแสงไฟเลยทีเดียว และงานนี้ ช่าวภาพก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นิโคลัส เป็นคนลั่นชัตเตอร์ ให้ทุกช็อตนั่นเอง

เรียกว่าเป็นหุ่นในฝันของสาวๆ เลยก็ว่า เพราะว่านอกจากฟิตแอนด์เฟิร์ม ไม่มีไขมันแล้ว ผิวสีแทนดูสวยสุขภาพดีมากๆ เป็นเซ็ตบิกินี่ของ ยิปซี ที่คนจำนวนไม่น้อยเทคะแนน ให้หมดหน้าตักกันไปเลยค่า

ยิปซีสวย

ประวัติ ยิปซี คีรติ

ยิปซี มีชื่อจริงว่า คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์
เกิดวันที่ 12 ส.ค. 2530
ภูมิลำเนาเป็นคนกรุงเทพมหานคร
ความสูง 164 เซนติเมตร
ศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนนานาชาติแอ็ดเวนตีส รามคำแหง
เรียนจบระดับปริญญาตรีจาก คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ภาคอินเตอร์)
ศึกษาปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (MBA) วิทยาลัยนานาชาติมหาวิทยาลัยมหิดล
IG : gypsykeerati

ยิปซี โด่งดังและก็มีชื่อเสียงมาจาก การแสดงในภาพยนตร์ BitterSweet BoydPod The Short Film แล้วก็ต่อมาได้รับบทนำ ในภาพยนตร์ อนุบาล เด็กโข่ง นอกจากผลงานกการแสดง ยังส่งผลงานเพลง โดยยิปซียังได้ร่วมร้องเพลง ในอัลบั้ม Convergence Love ในเพลง Would U Mind โดยหลังจากนั้นเธอก็เรียกว่า ส่งผลงานออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นวงการการแสดง พิธีกร ตลอดจนถึงนางแบบ

โดยสิ่งที่เรียกว่า เป็นภาพจำเมื่อคนพูดถึง ยิปซี ซึ่งก็คือการออกกำลังกายรวมทั้งหุ่นที่ฟิต และก็เฟิร์มของเธอนั่นเอง ซึ่งเธอก็ได้เปิดแฟนเพจ แบบพี่ยิป เป็นแฟนเพจ ที่ให้ความรู้ เรื่องการออกกำลังกาย รวมทั้งสอนเทคนิคเคล็ดลับ การออกกำลังกายเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนหุ่นตัวเอง ให้เป๊ะอีกด้วย โดยเธอให้คำอธิบาย ของแฟนเพจนี้เอาไว้ว่า เป็นเพจที่แบ่งปัน บอกกล่าวประสบการณ์ การใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ การดูแลตัวเองของยิปซี อะไรที่เคยลองผิดจะมาเตือน ลองถูกจะมาแบ่งปัน นั่นเอง

นาย ณภัทร งานไอคอน

"นาย ณภัทร" ยังไม่ระบุสถานะ "ใบเฟิร์น" บอกอยากจีบไปเรื่อยๆ เพราะน่ารัก

เรียกว่านาทีนี้โลกสดใสสุด ๆ ไปเลยค่ะ สำหรับคู่ของพระเอกหนุ่มหน้าใส นาย ณภัทร เสียงสมบุญ แล้วก็นางเอกสาวฮอต ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ เพราะว่าตั้งแต่นายประกาศสิ้นสุดทางเพื่อน เดินหน้าจีบอย่างเป็นทางการ มองดูไปทางไหนก็มี แต่กองเชียร์เต็มไปหมด ทุกอย่างเป็นสีชมพูไปหมดละจ้า

แถมทั้งสองก็พึ่งควงคู่กันท่องเที่ยวไกล ถึงอังกฤษ แถมยังโพสต์ภาพ โมเมนต์รูปหวาน ๆ ทำเอากองเชียร์แฟน ๆ ฟินกันถ้วนหน้า พบหนุ่มนายมาร่วมงาน “THE ICONSIAM ETERNAL PROSPERITY CHINESE NEW YEAR 2023” (ดิ ไอคอนสยาม อีเทอร์นอล พรอสเพอริตี้ ไชนีส นิวเยียร์ 2023) ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม เลยจะต้องอัปเดตความหวาน ให้ได้สดชื่นหัวใจกันหน่อย

นายใบเฟริ์น

ระยะนี้ออกกำลังกายเยอะ ฟิตหุ่น?

“ก็นิดนึง คนอารมณ์ดี”

ไปเที่ยวอังกฤษกินเยอะเหรอ?

“ก็ไม่ได้กินเยอะนะ แต่ได้วิ่งออกกำลังกายด้วย”

ถามเรื่องไปวิ่ง?

“จริง ๆ ธรรมดาทุกปีผมวิ่งอยู่แล้ว พอดีตอนที่มีสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ก็มีอาการบาดเจ็บเข่าด้วย เลยเป็นว่าเราไม่ได้วิ่ง เวลาไปต่างประเทศ ผมจะวิ่งทุกที่เลย ผมชอบ”

วิ่งอย่างนั้นมีหลงทางบ้างหรือเปล่า?

“ก็มีนะมีช่วงที่สัญญาณหาย”

เราจัดเส้นทางเองเหรอว่าจะวิ่งไปไหน?

“มิได้กำหนดเลย เหมือนวิ่งตามใจชอบ หลงไปทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง ก็สนุกสนานดี ไม่ต้องมีแพลนอะไร เป็นครั้งแรกที่วิ่งในรอบสองสามปี ที่ต่างประเทศเราฟินมาก รู้สึกดีมากก็เลยเก็บบรรยากาศโพสต์ในไอจี”

เวลาไปต่างประเทศจะต้องไปหาทางวิ่ง อยากเก็บเป็นสถิติไว้หรือยังไง?

“ไม่ได้เก็บสถิติ แค่อยากออกไปเสพบรรยากาศ ที่มันสดชื่น เป็นคนเสพติดการวิ่ง แล้วก็เป็นครั้งแรกที่หัวเข่ากลับมาสมบูรณ์ หลังจากที่เราเข้ายิมออกกำลังกาย ทำกายภาพกล้ามเนื้อ”

เจ็บแค่ไหน หมอบอกว่าต้องหยุดไปเลยช่วงนั้น?

“หยุดเล่นกีฬาทุกอย่าง ได้แต่คาร์ดิโอ ระหว่างที่หยุดไปเราก็เล่นเสริมหัวเข่า เสริมสร้างกล้ามเนื้อ มันก็เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเข้ายิม แล้วก็ออกกำลังกาย”

ส่วนการเตะบอลล่ะ กลับมาเตะได้ไหม?

“คิดว่าน่าจะโอเค ยังมิได้มีโอกาสลอง แต่ต้องการกลับไปเตะ”

เคยชวนเขาไปวิ่งไหม?

“ยังนะ ยังไม่เคยชวนเลย เดี๋ยวลองถามเขาดูแล้วกันครับ (หัวเราะ)”

คือเราเห็นเขาไปออกกำลังกายหรือยังไง?

“ก็ออกนะ เขาก็อาจจะซุ่มออกเงียบๆก็ได้ จริงๆเราก็ชอบวิ่งอยู่แล้ว”

ทริปนี้เป็นยังไงบ้าง?

“ก็ดีครับผม ผมมีเพื่อนอยู่ที่นู่นด้วย มีผู้ใหญ่อยู่ ก็เป็นโอกาสดีไม่ได้เจอเพื่อนมานาน ก็ได้พบได้ใช้เวลาด้วยกัน”

เป็นยังไงบ้างกับการได้ใช้เวลาด้วยกัน ในเรื่องไลฟ์สไตล์ได้คุยกันมากขึ้นไหม?

“ก็ดีนะครับ มันก็เป็นโมเมนต์ที่มันน่ารัก ผมก็รู้สึกว่าใบเฟิร์นเขาก็น่ารักดี”

เป็นตอนเวลาที่ได้เรียนรู้กันมากขึ้นหลังจากที่ไปอีกสเตปหนึ่งหรือเปล่า?

“ใช่ ผมว่ามันก็เป็นปกติของคนที่เริ่มคุยกัน คงจะอาจจะต้องค่อยๆ เรียนรู้กันไป บางสิ่งหากไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเลย เราก็จะไม่รู้จักกัน ก็ได้รู้จักกันมากขึ้น”

สเตปการพัฒนามันดีขึ้นไหม?

“ผมว่าดีขึ้นนะ มันก็ดีต่อความรู้สึกทั้งสอง (ยิ้ม)”

มีสถานะแล้วหรือยัง?

“เอาจริงๆไม่ได้คิดเลย เรามิได้คิดถึงเรื่องการกำหนด คำว่ามันต้องเป็นอะไรกัน แต่ว่ารู้สึกว่าการที่เราเป็นแบบนี้ ผมรู้สึกว่ามันดีต่อความรู้สึกของทั้งคู่เลย ก็ปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติแล้วกัน แล้วจริงที่เราทรีตเขา เขาทรีตเรามันก็ดีต่อความรู้สึกของเรา แล้วก็ดีต่อความรู้สึกของเขา ก็คอยถามกันตลอด”

วันที่ลงรูปคู่กันหลายคนก็คิดว่าเราจะใช้สถานะคำว่าแฟนแล้วหรือไม่?

“ก็เห็นว่าเป็นฤกษ์ดี ตามพี่หมอช้าง (หัวเราะ)”

เป็นฤกษ์ดีที่เป็นแฟนกันแล้ว?

“(หัวเราะ) ไม่ใช่ๆจริงๆ เราลงเก็บไว้เป็นความทรงจำของเรา เรารู้สึกว่าอินสตาแกรมของเรา ไม่ใช่แค่ปิดสาธารณะอย่างเดียว ซึ่งก็คือสิ่งที่เป็นส่วนตัวของเรา เราก็อยากกลับมาดูแล้ว คิดถึงโมเมนต์ที่เราไปเที่ยวกันอะไรอย่างงั้นบ้าง (หัวเราะ)”

นายเปิดใจเฟริ์น

นาย ณภัทร ลงวันที่ 9 หรือจะมีความหมายก้าวไปด้วย?

“(ยิ้ม) เอาจริงๆไม่ได้คิดเลยตอนแรก (หัวเราะ) ไม่ได้คิดอะไรเลย พอไปเห็นคอนเมนต์คนทักอะไรก็น่ารักดี (ยิ้ม)”

ฟีดแบ็กมันฮือฮามาก?

“ขอบคุณละกันที่คอยให้กำลังใจเราทั้งสอง พวกเราก็ได้รับแล้วก็ได้อ่าน ได้ติดตามมา มันดีมากๆเลยแหละครับ มันเป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมในการใช้ชีวิตของพวกเราทั้งคู่เลย”

รูปคู่รูปแรกหลายๆคนรอลุ้น กดดันมาก?

“ไม่ได้กดดันครับผม ต้องการลงไว้เป็นความทรงจำของพวกเรา มิได้คิดว่ามันจะเป็นอย่างไร”

อันนี้ใบเฟิร์นไปก่อนแล้วไปเจอกันที่นู้น?

“เฟิร์นไปก่อน เขามีญาติอยู่ที่นั่นด้วย ก็มีเจอกันบ้าง ได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง”

เขาเป็นตากล้องให้เราไหม?

“ครับ (ถ่ายสวยไหม?) สวยมั้ยล่ะ สวยๆเขาถ่ายสวย ก็เริ่มสอนเขาถ่ายกล้อง ดีมากๆเลยครับผม”

ได้คะแนนเพิ่ม?

“โห ไม่เคยถามเขาเลย เห็นบอกจะถามให้ ถามให้หน่อย”

ยังเขินอยู่มั้ย เพราะว่าพี่แอนก็แซวว่าเราสดใสที่สุดในกอง?

“ก็เขินนะ เอาจริงไม่ค่อยมีอารมณ์เขินเท่าไร แต่พอมาเจอเฟิร์นก็มีความรู้สึกว่าเราเป็นคนขี้เขินเหมือนกัน (ยิ้ม)”

อนาคตถ้าหากจะร่วมงานละครกันอีกเรื่องจะเล่นได้เหรอ?

“นั่นน่ะสิ ไม่รู้ช่นกัน คิดภาพไม่ออก แต่ก็เคยถามนะว่าจะเป็นอย่างไร อยากรู้กันทั้งคู่”

มีคนชวนออกงานคู่กันมั้ย?

“ก็คิดว่าน่าจะมีนะ แต่ว่าเวลาและตารางของเราอาจจะยังไม่ตรงกัน ในเวลานี้ผมถ่ายละครเรื่อง “แค้น” ซึ่งเดี๋ยวจะปิดกล้องสิ้นเดือนนี้แล้วครับ ทุกอย่างมันก็จะอัดงานก่อน หากมีโอกาสแล้วก็เวลาเหมาะสม ก็อาจได้ร่วมงานกัน”

ถามโมเมนต์รูปวันเด็กแล้วเขามาแซวน่าหยิก?

“เหรอ (ยิ้ม) หยิกนี่คือหยิกอะไรครับผม ผมหยิกเหรอ (นักข่าวบอกว่าหยิกแก้ม) เหรอ ยังมิได้พูดถึงอะไรเลย

กำหนดไว้มั้ยจะจีบไปถึงเมื่อไร?

“ไม่รู้เลย ก็ต้องการจีบไปเรื่อยๆเลย ไม่ต้องการหยุดจีบเลย (หัวเราะ)”

เป็นคนคลั่งรักมากๆ?

“เหรอ ดูคลั่งรักเหรอ (ยิ้ม) ไม่รู้ๆๆ รอดูไปเรื่อยๆครับผม”.

ดิว อริสรา แฉ

คนสนิท "ดิว อริสรา" แฉต่อ เจ้าของเว็บพนันอวดมีแบ็ก รู้จักคนมีอำนาจเยอะ

เป็นกระแสข้ามคืน ทำเอาชาวเผือกรอฟังคำตอบกันเยอะ เมื่อ ดิว อริสรา ออกมาแฉ 4 พี่น้อง ทำเว็บพนัน โชว์ความรวยจากการลวงเงินคนไทย พร้อมแนะให้ตำรวจช่วยตรวจสอบ ซึ่งปัจจุบันเพจข่าวบันเทิงช่อง 8 ได้มีการขึ้นโพสต์ถึงประเด็นดังกล่าว จากปากคนใกล้ชิดสาวดิวเพิ่มอีก

คนสนิทของ ดิว อริสรา เปิดเผยว่า “มีความคิดว่าหลายท่านคงทราบแล้วว่า คนที่ดิวพูดถึงคือผู้ใด แล้วก็คาดว่า ยังมีข้อมูลอีกเยอะที่รู้ และอีกหลายเรื่องที่ยังบอกไม่หมด คร่าวๆว่า ครอบครัวนี้เปิดธุรกิจหนึ่งบังหน้า เพื่อการฟอกเงิน โดยเฉพาะ

ส่วนเหตุผลที่ออกมาพูด น่าจะเป็นที่อีกฝ่ายอ้างรู้จักตำรวจ และอวดว่ามีแบ็กเป็นผู้มีอำนาจซัพพอร์ต ทั้ง ๆ ที่ความจริงเป็นแค่คำอ้าง และชอบเบ่งเพียงเท่านั้น”

แฟนเก่าดิว

เปิดประวัติ “เบนซ์ เดม่อน” หนุ่มซุปเปอร์คาร์อดีตหวานใจดิว อริสรา

เคยเป็นกระแสเมื่อปี 2563 หลังจากที่ “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” นางร้ายซุปตาร์หน้าสวย ได้เปิดตัวคนรักใหม่ ภายหลังจากเลิกรากับ “ไผ่ วันพอยท์” และเปิดตัวแฟนหนุ่มใหม่ ในงานเลี้ยงวันเกิด เจ้าของ #kdkj ที่เกิดเป็นกระแสให้พูดถึงสนั่นโซเชียลในเวลานั้น โดยหนุ่มรายนี้ เป็น“เบนซ์ เดม่อน” หนุ่มหล่อในแวดวงซุปเปอร์คาร์

ถึงแม้ปัจจุบัน “เบนซ์ เดม่อน” จะเลิกรากับ ดิวไปแล้ว แต่ประวัติและก็ ดีกรีไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สำหรับชื่อ “เบนซ์ เดม่อน” นั้นเป็นชื่อในวงการแข่งรถซุปเปอร์คาร์ แล้วก็ เป็นเจ้าของรถหรู Lamborghini Mad Bull Liberty Walk Aventador V2 หนึ่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งเจ้าตัวนั้นชื่นชอบ การขับรถกระทั่งผันตัว มาเป็นนักแข่งรถประเภทดริฟต์

นอกเหนือจากการเป็นนักแข่งรถแล้ว “เบนซ์ เดม่อน” ยังเป็นเจ้าของธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารญี่ปุ่น, ผับ, บาร์ และก็นำเข้ารถยนต์ ทั้งนี้คาดว่า “เบนซ์ เดม่อน” คงจะชื่นชอบและมีงานถ่ายภาพเป็นอดิเรก เพราะว่ายุคที่ยังคบหา ดิว นางร้ายสาวยังเคยโพสต์รูปเดี่ยว ฝีมืออดีตคนรักไว้บนไอจีด้วย

หลังจากเลิกราแล้ว สาวดิวได้เปิดตัวแฟนใหม่คือสามีคนปัจจุบัน “เซบาสเตียน ลี” ในตอนนั้น “เบนซ์ เดม่อน” ได้โพสต์ไอจีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายนี้ว่า ไว้พบกันใหม่ในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม มีแต่คนโง่แค่นั้นแหละ ที่ทนอยู่กับสิ่งที่ทำร้ายตัวเอง #Comingsoon #NewBenz #เฮียเบ็นซ์ #เดี๋ยวรู้จัก”

ดิว อริสรา โพสต์แฉ

ดิว อริสรา ลูก

ย้อนรอยคนรักเก่า “ดิว อริสรา” นางร้ายหน้าสวยแต่ละคนดีกรีไม่ธรรมดา

กำลังเป็นกระแสอย่างสม่ำเสมอสำหรับ “ดิว อริสราทองบริสุทธิ์” ดาราสาวซุปตาร์ฯนางร้ายหน้าสวย ล่าสุดสาวดิว ได้เป็นคุณแม่มือใหม่ แล้วหลังจากให้กำเนิดลูกชาย “น้องไซรัส” ไปเมื่อสิงหาคมของปีที่ผ่านมา โดยมีคุณพ่อเซบาสเตียน ลี รอดูแลไม่ห่าง ท่ามกลางบรรยากาศอบอวลไปด้วยความรัก

ทั้งนี้ก่อนที่จะสาวดิวอริสราจะพบกับความรักครั้งสุดท้าย รวมทั้งสร้างครอบครัวลงหลักปักฐาน ทางความรักก่อนหน้า หนุ่มๆที่เคยเดทนั้น ล้วนแล้วแต่มีดีกรีไม่ธรรมดา เรามาดูกันว่ามีคนไหนกันบ้าง

– คบหากับ ซี ภูวรินทร์ สาวหล่อนักร้องค่ายอาร์เอส

– ปิ๊งรักกับ กอล์ฟ พิชญะ แต่มีข่าวแม่ของฝ่ายชายไม่ปลื้ม และก็ไม่มีเวลาให้กันเลยต้องเลิกรากันไปแม้จะคบกันยาวนานถึง 3 ปี

– ไผ่ วันพอยท์ รักนี้ของ “ดิวอริสรา” ยาวนานถึง 7 ปี ซึ่งเธอเคยกล่าวว่าไผ่จัดว่าเป็นแฟนที่ดีที่สุดอีกด้วย

– เบนซ์ เดม่อน หนุ่มคนดังในแวดวงซูเปอร์คาร์ เจ้าของแฮชแท็ก #kdkj

– รักครั้งสุดท้ายของ ดิว อริสราเซบาสเตียน ลี นักธุรกิจหนุ่มชาวไต้หวัน ก่อนจะตกลงปลงใจแต่งงานกัน แต่ว่ามีทายาทน้องไซรัส

ดิว อริสรา ออร่า

สืบหาคำใบ้ “ดิวอริสรา” แฉเว็บพนันรายใหญ่ โยง 4 พี่น้อง “บ.”

แกะคำใบ้ “ดิวอริสรา” แฉเว็บพนันรายใหญ่ มาเก๊า 888 พบชาวเน็ตไล่หาผ่าน google เพียบ จับตาทีท่า สอท.- ดีอีเอส

ความคืบหน้ากรณี ดิว อริสราดาราสาว ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับบ้านที่เว็บพนันรายใหญ่ชื่อ มาเก๊า 888 ที่มีพี่น้อง 4 คนเป็นผู้ชายหมด ชื่อเล่น บ. ทั้งบ้าน รวมทั้งน้องชื่อ บิ๊ก เพิ่งหมั้นหมายตอนวันที่ 15 เดือนมกราคมที่ผ่านมา

ดิว อริสรายังระบุด้วยว่า น้องที่ชื่อบิ๊ก จะแต่งงานวันที่ 22 เดือนมกราคมนี้ คาดว่า วงการเว็บพนันออนไลน์ คงจะไปร่วมงานแต่งกันถ้วนหน้า ฝากสายสืบ ตำรวจ ทำงาน ด้วยมีข้อมูลอยู่แล้ว ต้องการรวบใคร รวบเลย

วันหลังโพสต์ดังกล่าว ถูกเผยแพร่ออกไป โซเชียลมีเดียก็หาข้อมูล ตามคำใบ้กันอย่างคึกคัก ว่า มีคนไหนหมั้นหมาย หรือมีครอบครัวไหนบ้างมีลูกชาย 4 คน

เบื้องต้น พีพีทีวี กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ติดต่อผู้บริหารไปหลายๆคน แต่ยังไม่ให้ข้อมูล เหมือนกันกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังไม่สามารถที่จะติดต่อได้

อย่างไรก็ตาม ได้ลองค้นหาใน google พิมพ์คำว่า มาเก๊า 888 ก็เจอว่า คนเข้าไปค้นหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว ว่า คนไหนเป็นเจ้าของ , เว็บนี้เป็นของใคร รวมถึง คำใบ้ที่ ดิวอริสราให้ไว้ อย่างคำว่า สมรส ซึ่งรวมทั้งคำว่า บิ๊ก ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น 1 ใน 4 ชื่อเล่น ของ เจ้าของหรือเปล่า ติด search การค้นหาด้วย

ในขณะที่ภายในเว็บพนันดังกล่าว อธิบายตัวเองอย่างชัดเจนว่า เป็นผู้ให้บริการเกมคาสิโนออนไลน์แบบครบวงจร

ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยออกมาว่า ประเด็นนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ามีมูลหรือเปล่า

สำหรับโทษของการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ ทั้งยังเจ้าของเว็บไซต์ ผู้บริหารเว็บไซต์ แอดมิน ผู้ทำการตลาด การโปรโมต เจ้าของบัญชีธนาคาร ที่ยินยอมเต็มใจเปิดบัญชี มีบทกำหนดโทษตาม พ.ร.บ.การพนัน ว่า จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ในช่วงเวลาที่ การเล่นในออนไลน์ มีความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินด้วย

ปันปัน เต็มฟ้า โสด

พร้อมกลับมารับงาน "ปันปัน เต็มฟ้า" อัปเดตหัวใจหลังประกาศโสดกลางโซเชียล

นักแสดง นักร้อง มากความสามารถ “ปันปัน เต็มฟ้า” ลูกสาวคนสวยของนักร้องผู้ล่วงลับ “แหวน ฐิติมา” ที่วันนี้จะขอเปิดใจ จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตถึงขนาด ต้องออกจากวงการบันเทิง รวมถึงการเปิดใจหลังสูญเสียครั้งใหญ่ พ่อปุ๊ กรุงเกษม ไปอย่างไม่มีทางกลับ แถมยังอัปเดตสถานะหัวใจ หลังเลิกรากับไฮโซหนุ่ม ที่คบกันมากว่า 4 ปี ผ่านทางรายการคุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา รวมทั้งอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เมื่อกลางปีก่อนหน้าที่ผ่านมาพึ่งสูญเสียคุณพ่อไป ทำเช่นไรให้เราแข็งแกร่งขึ้นมาได้?

ปันปัน : เวลาที่เสียคุณแม่จะหนักมาก ในตอนที่เสียคุณพ่อ เหมือนเรามีการทำใจไว้แล้ว เหมือนเราเจอเหตุการณ์มาหนึ่งรอบแล้ว พอคุณพ่อมันจะรู้สึกใจหายมากกว่า ว่าอาทิตย์ที่แล้วยังคุยกันอยู่เลย อยู่ดี ๆ

วันหนึ่งเขาหายไปเลย แต่ว่าในเรื่องของการใช้ชีวิตหรือดูแลตัวเอง เราค่อนข้างจะเซตมาแล้ว ตอนคุณแม่มันค่อนข้างฉุกละหุก แล้วเรายังเด็กมาก แต่รอบนี้มีความรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันก็สั้น ทำให้เรากลับมาคิดได้ว่า เราควรมีความสุขกับปัจจุบันนี้ดีที่สุด

ปันปัน เต็มฟ้า คุยแซ่บ

ปันปัน เต็มฟ้า ในเคสของคุณพ่อ หนูใช้เวลานานขนาดไหน?

ปันปัน : เป็นหลักเดือนนะคะ จะมิได้นานกระทั่งเกินไป โชคดีมีทั้งเพื่อนที่ทำงาน คนรอบตัวเรา คนที่แกรมมี่หรือผู้ใหญ่ทุกคน ให้กำลังใจดีมาก

ก่อนจากไปคุณพ่อได้บอกอะไรไหม?

ปันปัน : คุณพ่อต้องการให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คุณพ่อเป็นผู้ที่สบาย ๆ ชอบมีความสุข แฮปปี้ รักลูก ฉะนั้นต้องการที่จะให้ลูกทำอะไรก็ได้ให้ตนเองมีความสุขที่สุด

พ่อมิได้มีโกมาบังคับเราเยอะแยะว่า เราต้องประสบความสำเร็จที่สุดนู้น นี่นั่น แค่ต้องการให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะคุณพ่อระยะหลัง ๆ ก็จะเห็นปันเริ่มทำงานมา แล้วงานเริ่มอยู่ตัว เขาก็เลยมิได้เป็นห่วงมาก

ใช้เวลานานไหมกว่าจะเปลี่ยนมาเป็นแบบทุกวันนี้?

ปันปัน : ผ่านมา 5-6 ปีแล้ว ในเวลานี้กลับมาฟังเพลงได้แล้ว

ปัจจุบันหนูออกมาโพสต์ในไอจีว่าโสด เกิดอะไรขึ้น?

ปันปัน : เนื่องจากว่าก่อนหน้าที่ผ่านมา เราไม่ได้สัมภาษณ์อะไรมากใช่ไหมค่ะ เนื่องจากว่าเลิกกันสักพักแล้ว หนูก็มิได้ประกาศ เพื่อนก็พูดว่านี่มันไม่มีคนรู้เลยนะ แล้วหนูก็ต้องการมูฟออนกับชีวิตแล้ว อันนี้ก็มิได้เป็นความคิดของหนูเองหรอกนะ มีการปรึกษากับเพื่อน และก็มีพี่ที่เคยเป็นผู้จัดการเก่าด้วย บอกว่าอย่างงั้นก็ลงไปเลยแล้วกัน

หลาย ๆ คนมองว่าเป็นเพราะมือที่ 3 หรือไม่?

ปันปัน : ไม่ใช่เลยค่ะ ต้องสารภาพว่าความรู้สึก ที่เป็นเหมือนแฟนกัน มันก็ห่างหายไปหลายเดือนมาก ๆ แล้ว แต่ อาจจะมีการพูดคุยเรื่องงาน เรื่องอะไรแบบนี้ เพราะว่าทำงานคล้าย ๆ กัน พอเรามาอยู่ในจุด ที่เราต้องการมีความสัมพันธ์ที่มันครบ ในตอนนี้มันไม่ได้เหลืออะไร เรื่องการเป็นแฟน เรื่องอะไรแล้ว หนูเลยมีความคิดว่าให้ต่างคน ต่างไปเจอคู่ที่เหมาะกับเรา หรือดีมากกว่าดีกว่า ไม่อยากยื้อไว้

แล้วประเด็นสำคัญ ๆ มันเกิดอะไรขึ้น?

ปันปัน : หนูว่ามันจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ใส่ใจกันแล้วมันสะสม เพราะเรื่องความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หนูต้องสารภาพว่าประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่คบเขา

หนูอาจจะสนใจกับงานมากจนเกินไป เสมือนต้องการจะพัฒนาตัวเอง เรื่องของงานมากจนเกินไป จนกระทั่งบางคราวใส่ใจเขาน้อยไป

แล้วมันสะสม แล้วพอสะสมมาเรื่อย ๆ ขารู้สึกว่าบางครั้งเราไม่ใส่ใจกัน แล้วไม่ให้ความรักกัน ซักเท่าไหร่ มันก็เลยค่อย ๆ หายไป แล้วมันก็จะมีปัญหานู้นนี่นั้น เสริมเข้ามาเรื่อย ๆ

มีมือที่สามหรือเปล่า?

ปันปัน : ไม่มีค่ะ

มีปรับความเข้าใจกันก่อนไหม?

ปันปัน : มีค่ะ พยายามปรับความเข้าใจประมาณ 2 รอบ หนูก็พยายามปรับตัว คุณไม่ชอบใจจุดนี้ เราปรับปรุงตรงนี้ให้ไหม เราปรับตรงนี้นะ เราน่าเบื่อเกินไปหรือไม่ เราสนุกขึ้นได้นะ หนูก็คิดนะ แต่มันพยายามไปก็ไม่เวิร์ก เหมือนความรู้สึกมันหายไปแล้ว

มันหมดรักแล้ว?

ปันปัน : คงจะหมดทั้ง 2 ฝ่าย

ปันปัน เต็มฟ้ามา

ในเวลาที่ตัดสินใจเรา จะเป็นเพื่อนกันใครเป็นคนบอก?

ปันปัน : เหมือนปรึกษากัน สุดท้ายเหมือนเป็นการบอกกันทั้งสองฝ่าย ตกลงกันทั้งสองฝ่ายว่า ทางนี้คงจะดีที่สุด

แล้วมันจะได้โอกาสที่จะกลับมาไหม?

ปันปัน : หนูว่าค่อนข้างยากนะคะ ด้วยเหตุว่าเราได้ลองกันไป 2 รอบแล้ว มันเต็มที่แล้ว หนูรู้สึกว่าหนูพยายามมากที่สุดแล้ว ความเป็นจริงหนูเป็นผู้ที่ไม่เลิกอะไรง่าย ๆ หนูจะเป็นคนที่จะพยายามก่อน แต่หากมันมิได้จริง ๆ ยอมรับ มันไม่ใช่ความผิดของใคร มันก็ผิดกันทั้งคู่ หรือเป็นสิ่งที่มันไม่เข้ากันจริง ๆ

พอบอกโสดค่ะ คอมเมนต์เยอะไหม?

ปันปัน : เยอะค่ะ ทุกคนรู้สึกแฮปปี้ ดีใจ

ตอนช่วงที่เราเลิกมันหนักไหม เนื่องจากเราไม่มีคนให้ปรึกษาอย่างคุณพ่อ คุณแม่?

ปันปัน : หนูว่าด้วยความที่มันค่อย ๆ เฟดมา มันไม่ได้เป็นการเจอแบบสถานการณ์นึงแล้วมันตึ้ง โห..เจ็บ มันค่อย ๆ เฟดลงมา มันทำใจมาระดับนึงแล้ว เพราะฉะนั้นมันจะมิได้เศร้ามาก แต่ว่าแน่นอนแหละร้องไห้อยู่แล้ว ฟังเพลงก็ร้องไห้ นู้นนี่นั่น เราก็ต้องการให้มันเวิร์กนะ แต่ว่ามันไม่ได้จริง ๆ เราก็จะต้องใช้ชีวิตต่อ จะต้องเดินหน้าต่อไป

เรามีวิธีจัดการความรู้สึกตรงนี้ยังไง?

ปันปัน : หาเพื่อนดี ๆ ค่ะ อยู่กับเพื่อนดี ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ปันไปที่ทำงานมีเพื่อนที่สนิทกัน 2-3 คน ซัพพอร์ตกันตลอด คุยอะไรก็ได้ หรือเพื่อนที่อยู่กับเรา คุยกับเรามีความรู้สึกว่ามันอิ่มใจ เราไม่ได้อยู่คนเดียว จะมีความรักครั้งใหม่หรือไม่มีก็ได้ เนื่องจากเรามีความสุขกับปัจจุบัน อยู่กับเพื่อน อยู่กับอะไรก็สามารถเติมเต็มให้เรา มีความสุขได้แล้ว แล้วงานต่าง ๆ ที่เราทำ คือรักตัวเองไว้ก่อน

เวลานี้มีคนมาจีบหรือยัง?

ปันปัน : มีบ้างค่ะ แต่ว่าไม่เยอะ

เรามีสเปกไหม?

ปันปัน : ชอบคนเก่ง คนฉลาด คุยเรื่องที่มันมีสาระได้ และก็มีความเป็นผู้นำ ที่สำคัญคือมองโลกในแง่ดี เพราะเหตุว่าหนูว่าเวลาคบกันไปสุขภาพจิต มันสำคัญมาก คือการไม่ทำให้เครียด หรือมีปัญหาไรแล้วสามารถทำปัญหาเรื่องใหญ่ ให้เป็นเรื่องเล็กมันจะไปกันได้นาน

ติดตามดูรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ใหม่ ดาวิกา ยอมรับ

เปิดอก "ใหม่-ดาวิกา" ผ่านเวลา ยอมรับข้างในบอบช้ำ เรียนรู้ยอมรับอารมณ์ได้

หล่อหลอมประสบการณ์ผ่านการทำงาน และการใช้ชีวิตในวงการบันเทิง ทำให้สาว “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” ขึ้นแท่นซุปเปอร์สตาร์สาว แถวหน้าได้โอกาสรับงาน ที่ท้าทายมากมายและก็พิสูจน์ความสามารถที่มากขึ้น

รวมทั้งการได้ออกไปเฉิดฉาย ในเวทีแฟชั่นระดับโลก รวมทั้งยังสตรองผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้เสมอแม้จะพบ เรื่องราวดราม่าต่าง ๆ แต่ว่าย้อนสู่ภายในใจ น้อยคนจะทราบว่าสาว “ใหม่” จะต้องผ่านการเรียนรู้ และจัดการความรู้สึกใหม่ รวมทั้งสิ่งที่ทำร้ายหัวใจมาตลอด “ใหม่” เปิดใจเล่าจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่

ใหม่ ดาวิกา ร้านคาเฟ่

เมื่อถามที่ผ่านมาเวลาเจอดราม่ามาทักทายรับมือยังไง?

“จริง ๆ ใหม่อยู่ในแวดวงมานานมาก เริ่มต้นเลย เราถูกฝึกมาว่าเราต้องไม่มีอารมณ์ กับคอมเมนต์ต่าง ๆ สำหรับตัวใหม่ จะถูกฝึกมาว่านิ่งไว้แล้วทุกอย่าง มันจะดีเองแล้วก็ถูกฝึกมาว่าเรา เป็นคนของประชาชน เราควรต้องยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ ของประชาชน ให้ได้เพราะเราเป็นดารา เราโดนฝึกให้ใหม่โอเคกับมัน แล้วใหม่ก็บอกกับตัวเองว่าใหม่โอเค แล้วใหม่ก็ปล่อยไปจน ณ วันนี้ 10 กว่าปี ใหม่ พึ่งมารู้ตัวว่าจริง ๆ เรามิได้โอเค

แล้วเราก็มิได้เข้มแข็งเลยนี่ เราก็คือมนุษย์ธรรมดา ที่เราทำไม่ได้หรอก ที่จะไม่รู้สึกอะไร เนื่องจากว่าจริง ๆ เราทำไม่ได้หรอก เรารู้สึกแต่ว่าเราหลอกตัวเองโดยตลอด แล้วมันอยู่บ้างในใจเรา

จนถึงวันนี้ผลมันออกมา อาการมันออกมา มันมีอาการว่า ที่จริงข้างในเรามันแย่ไปหมดแล้ว แล้วก็เราก็กลายเป็นผู้ที่อ่อนแอมาก ๆ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาของใหม่ เป็นปีที่ใหม่ได้เจอจิตแพทย์ด้วย เจอเยอะเลย ทำคลาสต่าง ๆ เพื่อให้กลับมาเข้มแข็งให้ได้ เรียกว่า Self Love ให้รักตัวเองแล้วก็รักคนรอบข้าง ให้เห็นคุณค่าของตนเอง และทราบว่าปัญหาจริง ๆ มันเป็นอย่างไร บางทีอาจไม่ได้เกี่ยวกับดราม่า หรือคอมเมนต์ต่าง ๆ อย่างเดียว บังเอิญใหม่มารับโปรเจกต์ของ Netflix ด้วย

มันเลยขมวดปมแน่นมาก ๆ เลยต้องไปหาตัวช่วย ได้กลับไปสำรวจตัวเราด้วย ซึ่งในโมเมนต์นี้ หากถามว่าใหม่จัดการ กับดราม่าต่าง ๆ ในชีวิตยังไง ใหม่บอกทุกคนเลยว่าใหม่ จัดการได้ไม่ดีหรอก แต่ว่าแค่ว่ามันจะต้องผ่านไปให้ได้ หนึ่งคือมันผ่านไปได้จะต้องมีปัจจัย คือใหม่มีคนรอบข้างที่รักใหม่ รวมทั้งใหม่ก็รักเค้า เช่น ครอบครัว แฟนคลับ เพื่อน หรือคุณเต๋อ-ฉันทวิชช์ แฟนหนุ่ม (ยิ้ม)

กลุ่มคนเหล่านี้ เป็นกลุ่มคนที่ใหม่ ยึดไว้เป็นหลักในชีวิตว่าใหม่ มีเค้าแล้วใหม่จะผ่านทุกอย่างไปได้ มันเป็น Support System หากใหม่มี Support System ที่ดีใหม่ก็จะผ่านมันไปได้ ต่อให้ใหม่จะจัดการ มันได้ไม่ดีขนาดนั้น แต่ว่าใหม่ก็จะผ่านไปได้ ของอย่างนี้ มันต้องใช้เวลาและใช้ประสบการณ์”

เรียกว่าเป็นอีกจุดเปลี่ยนนึงของเรา?

“ใหม่เป็นคนไม่ Aggressive อยู่แล้ว ใหม่ไม่จัดการปัญหา ด้วยการโวยวายหรือออกไปตอบโต้อยู่แล้ว แต่ว่าทุกวันนี้ สิ่งหนึ่งที่ใหม่เรียนรู้คือ เรียนรู้ที่จะยอมรับความรู้สึกตัวเอง ว่าเรารู้สึกโกรธ รู้สึกเกลียด ยอมรับว่ามันเกิดกับเรา และก็มันไม่ใช่เรื่องผิด เนื่องจากว่าเราก็คือมนุษย์ เราเรียนรู้ว่าในตอนนี้เราโกรธ แต่เราไม่ผิดนะ เนื่องจากว่าเราเจอสิ่งนี้มา ทำให้เรารู้สึกดีกับตนเอง แต่ก่อนถ้าเรารู้สึกโกรธ ก็จะกลับมาคิดว่า เราเป็นคนไม่น่ารักรึเปล่า แต่ว่าไม่ เราเป็นมนุษย์ เรามีอารมณ์ได้”

พอเราเริ่มจัดการได้มันเปลี่ยนชีวิตเราอย่างไรบ้าง?

“ดีมากเลย เบาสบาย มันไม่ตัดสินตนเอง เราเป็นมนุษย์มีความรู้สึกได้ แต่เพียงรู้ว่าอะไรเป็นเรื่องที่ควรทำ และไม่ควรทำ ใหม่ว่าใหม่โตขึ้นด้วยในปีนี้ รวมทั้งปล่อยอะไรได้มากขึ้น ชิลมากขึ้นจริง ๆ ไม่เพอร์เฟกต์เกินไป อะไรพลาดก็ปล่อยไป มนุษย์เราก็เป็นอย่างนี้”

ใหม่ ดาวิกา ชุดดำ

เวอร์วังอลังการ “ใหม่ ดาวิกา” สุดเก๋ในชุดดำ แฟชั่นเอวเอสทอง

ยิ่งนับวันนางเอกสาว “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” ยิ่งปัง และก็อยู่ในกระแสตลอด ล่าสุดเธอถ่ายภาพเซ็ตแฟชั่น ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว โดยมีแฮชแท็กสุดเก๋ว่า #ดาวิเอวทอง ซึ่งทำให้โลกโซเชียล ให้ความสนใจจำนวนมาก รวมทั้งเข้ามาคอมเมนต์กัน โดยเฉพาะแฟนหนุ่มอย่าง “เต๋อ ฉันทวิชช์” ก็เข้ามาคอมเมนต์ชมว่า “สวยยยยย”

โดยเดรสสีดำ ที่ใหม่ใส่นั้นเป็นของแบรนด์ Schiaparelli ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้า ของอิตาลีที่เน้นความเวอร์วัง และก็การใช้สีทอง ทั้งยังการออกแบบ ที่ทำให้เสื้อผ้าและก็ยังรวมทั้ง เครื่องประดับเองมีหน้าตาแตกต่างจากแบรนด์ทั่วไป

ใหม่ ดาวิกา โชว์เอว
“ใหม่” นุ่งสั้นรับลมหนาวที่เขาใหญ่ แต่ว่าถูกโฟกัสที่เอว บางเฉียบมากจริง ๆ

ถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งสาว ที่ทุ่มเทเวลาสำหรับการดูแลสุขภาพ รวมทั้งรูปร่างตัวเองแบบสุด ๆ สำหรับนางเอกสาวร้อยล้าน ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ เพราะไม่ว่าจะ หยิบจับชุดไหนมาใส่ ต่างก็เรียกกระแสฮือฮา ได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว

ล่าสุด ใหม่ดาวิกา ก็ได้แพ็คกระเป๋าไปพัก รับลมหนาวที่เขาใหญ่ ซึ่งภาพที่ทำให้ละสายตามิได้เลย คงจะหนีไม่พ้นเซ็ทภาพ ที่เจ้าตัวสวมเสื้อแขนยาวตัวสั้น แอบเผยความเซ็กซี่ ด้วยการโชว์หุ่นสุดเป๊ะ คู่กับกระโปรงจิ๋ว เห็นแล้วใจสั่นทันที

งานนี้แฟนคลับ ต่างเข้ามากระหน่ำไลก์ และพูดเป็นเสียงเดียวกัน ด้วยว่า จุดนี้โฟกัสที่อื่นไม่ได้จริง ๆ นอกเหนือจากเอวอันบางเฉียบของ ใหม่ที่เห็นแล้วต้องการจะขอกลเม็ดกันรัว ๆ